"ทนายเดชา" แถลงโต้ "อัจฉริยะ" ปม ตร.ขโมยศพ "แตงโม"

ความคืบหน้าคดีการเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำของ “แตงโม นิดา” นักแสดงสาวชื่อดัง ซึ่งทางตำรวจแถลงสรุปคดีเมื่อวันที่ 26 เม.ย.ที่ผ่านมา พร้อมส่งฟ้องผู้ต้องหา 6 คน ต่อทางอัยการจังหวัดนนทบุรี แต่คนในสังคมยังคาใจหลากหลายประเด็น กระทั่งมีการส่งสำนวนให้สอบสวนประเด็นเพิ่มเติมกว่า 20 ประเด็น

จนวันนี้ (9 พ.ค.) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม แถลงเปิดหลักฐานเด็ด ทั้งคลิปวิดีโอที่อ้างว่า เจ้าหน้าที่นิติเวชหญิง นำศพของ “แตงโม” ออกมาเปรียบเทียบหลักฐานใบพัดเรือ ทั้งที่ไม่มีการขออนุญาตครอบครัวดาราสาว ถือว่าเข้าข่ายลักขโมยศพ

โดยสถานที่ที่มีการตรวจสอบ ไม่ใช่ห้องแพทย์นิติเวช แต่เป็นสถานที่สกปรก อยู่ในที่โล่งแจ้ง เพื่อต้องการให้หลักฐานบาดแผลที่ขาของ “แตงโม” สอดคล้องกับคำให้การผู้ต้องหา ที่มีตำรวจยศ พล.ต.ต.ตัวย่อ “ว.” เป็นคนบงการ รวมถึงมีการเปิดแชต ผอ.สถาบันนิติเวช คุยกับอดีตศัลยแพทย์โรงพยาบาลพระมงกุฎฯ ยอมรับว่า บาดแผลที่ขาขวาไม่ได้เกิดจากใบพัดเรือ และตอนนี้ “ผบ.ตร.” ทราบเรื่องการกระทำครั้งนี้ของ บช.ภ.1 แล้วนั้น

ล่าสุดนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความของนางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่ของ “แตงโม” แถลงข่าวถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยก่อนการแถลงข่าว “แม่แตงโม” โทรศัพท์เข้ามาหาทนาย เนื่องจากยังไม่ทราบเรื่องการนำศพมาเปรียบเทียบใบพัดเรือของนิติเวชเช่นเดียวกัน

นายเดชา กล่าวว่า หลักฐานที่นายอัจฉริยะนำมาแถลง ไม่ใช่หลักฐานใหม่ แต่เป็นหลักฐานที่ออกทางสถานีโทรทัศน์ไปแล้ว ก่อนนำมาวิพากษ์วิจารณ์ในมุมมองของตัวเอง โดยเป็นการเลียนแบบการแถลงข่าวของตำรวจ โดยเฉพาะการตำหนิ “คุณอู๊ด” ผู้เชี่ยวชาญด้านเรือและจีพีเอส ทั้งที่เขาเป็นที่ยอมรับของคนวงการเรือ

ส่วนคลิปนิติเวชนำศพออกมาเปรียบเทียบใบพัด ไม่รู้จริงหรือเท็จ ถ้าเป็นเรื่องจริง ถือว่าน่าเป็นห่วงนายอัจฉริยะ เพราะอาจถูกดำเนินคดี เรื่องการนำความลับทางราชการมาเปิดเผย และการนำภาพศพ “แตงโม” มาแถลง ขออนุญาตแม่หรือยัง ถ้าไม่อนุญาต ถือว่าทำให้คุณแม่เสียหาย ต้องถูกดำเนินคดีฐานหมิ่นประมาทศพ และข้อหาอื่นๆ ถ้ามี

“การชันสูตรพลิกศพ ตามวิอาญา ให้อำนาจหมอ พนักงานสอบสวน ทำได้เต็มที่อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องมารายงาน หรือขออนุญาตคุณแม่ หรือต้องมาขออนุญาตทนาย มันทำได้อยู่แล้ว และการกระทำต่างๆ ของหมอนิติเวช ทำได้ภายใต้กฎหมาย ถ้ามันผิดกฎหมาย เขาจะบันทึกคลิปไว้ทำไม ซึ่งการบันทึกคลิปวิดีโอ ถือเป็นการทำงานปกติอยู่แล้ว”

ผู้สื่อข่าวถามถึงการนำศพออกมาในสถานที่ไม่เหมาะสมนั้น “ทนายเดชา” กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่รู้เรื่องว่าเป็นคลิปจริง หรือคลิปปลอม ฉะนั้นอย่าเพิ่งตกเป็นเหยื่อ ถ้ามั่นใจว่าเป็นคลิปจริง ทางนายอัจฉริยะต้องไปแจ้งความเอาผิดหมอกับตำรวจ เพราะจะได้เป็นคดีความ   

“ทนายเดชา” กล่าวถึงกรณีแชตไลน์อ้างเป็น ผอ.สถาบันนิติเวช คุยกับอดีตศัลยแพทย์โรงพยาบาลพระมงกุฎฯ ว่า ใครทำขึ้นมาก็ได้ โดยต้องส่งให้ ปอท.ทำการตรวจสอบ ถ้าเป็นแชตปลอม คนที่นำไปแถลงข่าวต้องรับผิดชอบ แต่ถ้าเป็นแชตจริง เป็นเจ้าพนักงานเอาความลับในการสอบสวนมาเปิดเผย เข้าข่ายผิด ม.157 ส่วนหมอต่างๆ ที่ให้คำปรึกษาคดีนี้แล้ว นำความลับมาเปิดเผย จะผิดเรื่องจรรยาบรรณแพทย์ และถ้าหมอนั้นรับราชการอยู่ จะผิด ม.157 เช่นเดียวกัน

ด้านคลิปเสียงของ “นายตี๋” คุยกับบุคคลภายนอกว่า ไม่ได้มีการปัสสาวะท้ายเรือ ถือเป็นเรื่องบุคคลภายนอก ไม่มีผลต่อรูปคดี โดย “นายตี๋” เคยเป็นลูกความของตนเอง และเป็นเพื่อนสนิทของนายอัจฉริยะ ที่เคยมีคดีรถปอร์เช่สีเหลืองยิงกัน ซึ่งพนักงานสอบสวนอาจต้องเรียกทั้งคู่ให้ปากคำ

“คุณแม่บอกว่าเบื่อนายอัจฉริยะ ใช้คำว่าเบื่อ หลังจากนี้ผมกับตำรวจต้องไปดูว่า มีมูลความจริงหรือไม่อย่างไร หากคุณแม่เสียหาย ต้องพาคุณแม่ไปแจ้งความ ส่วนกรณีเรียกร้องให้ ผบ.ตร.เปลี่ยนพนักงานสอบสวน คุณอัจฉริยะ ไม่มีอำนาจ ไม่มีส่วนได้เสียในคดีนี้ โดยการสอบสวนเสร็จสิ้นไปแล้ว และสำนวนอยู่ที่อัยการ ส่วนการเผาศพยังคงเป็นไปตามกำหนดเดิม และจะไม่มีการผ่าศพอีก ไม่งั้นอาจมีผลกระทบ ทำให้ศาลยกฟ้อง เหมือนคดีห้างทอง เพราะการผ่าบ่อยๆ ทำให้เกิดความสงสัย เดี๋ยวแตงโมจะตายฟรี”