วันนี้ (9 พ.ค.) ที่กระทรวงพลังงาน มีรายงานว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) มีมติคงราคาดีเซลไว้ไม่เกิน 32 บาทต่อลิตร ต่อไปอีก 1 สัปดาห์ หรือ 7 วัน โดยจะคงราคานี้ถึงวันที่ 15 พ.ค. จากนั้นจะพิจารณาสถานการณ์อีกครั้ง
รายงานระบุว่า แม้ราคาตลาดโลกจะยังสูงต่อเนื่อง จากราคากลุ่มเบนซินที่ขยับขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ กบน. จำเป็นต้องตรึงราคา และใช้กลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าอุดหนุนเพิ่มขึ้น เพื่อลดผลกระทบประชาชนจากการปรับราคาดีเซล โดยเฉพาะในภาคขนส่ง ธุรกิจต่าง ๆ และอุตสาหกรรม ซึ่งต้นทุนดีเซลที่ปรับขึ้นทำให้ผู้ประกอบการใช้เป็นเหตุผลในการปรับราคาสินค้าต่าง ๆ กระทบค่าครองชีพประชาชน ส่งผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาลชุดนี้
โดยโครงสร้างราคาน้ำมันดีเซลนั้น เมื่อวันที่ 1 พ.ค. ที่ผ่านมา กระทรวงพลังงานได้ปรับขึ้นราคาเป็นไม่เกิน 32 บาทต่อลิตร และวางแผนปรับขึ้นต่อเนื่องสัปดาห์ละ 1 บาทต่อลิตร กรณีราคาตลาดโลกเพิ่มขึ้น เพดานไม่เกิน 35 บาทต่อลิตร การปรับขึ้นราคาเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี ที่ให้ปรับขึ้นดีเซลและให้กองทุนน้ำมันฯ อุดหนุนครึ่งหนึ่งจากส่วนเกิน 30 บาทต่อลิตร
นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ได้พิจารณาทบทวนราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลประจำสัปดาห์ โดยมีมติให้คงราคาดีเซลในสัปดาห์นี้ไว้ที่ 32 บาทต่อลิตร เช่นเดิม เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบด้านค่าครองชีพให้ประชาชน โดยสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกยังคงอยู่ในระดับสูง ราคาน้ำมันดีเชล (Gas Oil) วันที่ 6 พ.ค. 65 อยู่ที่ 160.65 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
สำหรับการพิจารณาของ กบน. ดังกล่าว เป็นไปตามมมติ ครม. เมื่อวันที่ 22 มี.ค.65 เรื่อง 10 มาตรการลดค่าครองชีพประชาชน โดยให้ตรึงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลที่ 30 บาทต่อลิตร ไปจนถึงสิ้นเดือน เม.ย. 65 หลังจากนั้นรัฐบาลจะเข้าไปช่วยเหลือส่วนที่ราคาน้ำมันดีเซลปรับเพิ่มขึ้นครึ่งหนึ่ง
โดย กบน. ได้พิจารณาปรับราคาน้ำมันดีเซลครั้งแรกมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 65 เป็นต้นมา โดยปรับขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 32 บาทต่อลิตร และจะทยอยปรับราคาขึ้นลงเป็นรายสัปดาห์ หากในแต่ละรอบสัปดาห์ราคาน้ำมันตลาดโลกมีการปรับลดลง ก็จะมีการปรับเงินอุดหนุนและปรับเพดานราคาลดลงตามการเปลี่ยนแปลงของราคาน้ำมันต่อไป
ส่วนประมาณการฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงปัจจุบัน วันที่ 8 พ.ค. 65 ติดลบ 66,681 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 33,258 ล้านบาท และบัญชีก๊าซ LPG ติดลบ 33,423 ล้านบาท