svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ต่างประเทศ

ทางเลือกฟิลิปปินส์ ทายาทเผด็จการ หรือ สตรีนักสิทธิ

07 พฤษภาคม 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ฟิลิปปินส์กำลังจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ในวันจันทร์ที่ 9 พ.ค. นี้ ทำให้ทั่วโลกหันมาจับตาว่าใครจะเป็นผู้นำฟิลิปปินส์คนต่อไป โดยเฉพาะคู่ชิงที่มีคะแนนนิยมมากสุดสองอันดับอย่าง "บองบอง" ทายาทตระกูลมาร์กอส และ "โรเบรโด" รองประธานาธิบดีหญิงคนปัจจุบัน

แม้จะมีรายชื่อมีผู้ลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ถึง 10 คน แต่จากผลโพลสำรวจความคิดเห็นและคะแนนนิยมที่ผ่านมา แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่าการเลือกตั้งที่กำลังจะถึงในวันที่ 9 พ.ค. นี้ เหลือผู้ท้าชิงรายใหญ่เพียงสองรายเท่านั้น

เฟอร์ดินานด์ "บองบอง" มาร์กอส จูเนียร์  บุตรชายของ เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส อดีตผู้นำเผด็จการที่อื้อฉาวมากที่สุด ทั้งเรื่องคดีการคอร์รัปชัน และละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อผู้เห็นต่าง ที่สร้างบาดแผลร้าวลึกให้กับชาวฟิลิปปินส์มานานหลายสิบปี แต่ผลสำรวจก่อนการเลือกตั้งล่าสุดกลับระบุว่าบองบอง ได้รับคะแนนนิยม 56% สูงที่สุดเป็นอันดับ 1 และทิ้งห่างผู้สมัครคนอื่นแบบไม่เห็นฝุ่น ทำให้ถูกมองว่าบุตรชายของอดีตผู้นำเผด็จการคนนี้มีแนวโน้มสูงสุดที่จะคว้าชัยชนะ ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนต่อไป

ซึ่งหาก มาร์กอส จูเนียร์ สามารถคว้าชัยชนะได้จริงในวันที่ 9 พฤษภาคม จะทำให้ตระกูลมาร์กอสได้หวนคืนสู่การเป็นราชวงศ์ทางการเมืองอีกครั้ง หลังผ่านมานานกว่าสามทศวรรษตั้งแต่ช่วงที่ครอบครัวของเขายักยอกทรัพย์สมบัติชาติ ก่อนที่จะหลบหนีออกนอกประเทศ

นโยบายในการหาเสียงของบองบองมุ่งเน้นไปที่การสร้าง "ความปรองดอง" และให้คำมั่นสัญญาว่าจะมีจ้างงานในประเทศมากขึ้น ค่าครองชีพต่ำลง ไปจนถึงการลงทุนด้านการเกษตรและโครงสร้างพื้นฐานที่มากขึ้น

ส่วนคู่ต่อสู้ที่มีคะแนนนิยมใกล้กับเขามากที่สุดคือ เลนี โรเบรโด วัย 57 ปี รองประธานาธิบดีหญิงคนปัจจุบัน อดีตนักกฎหมายและนักสิทธิมนุษยชน และผู้สมัครหญิงเพียงคนเดียวในสนามเลือกตั้ง เธอได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มคนรุ่นใหม่ รวมถึงผู้ที่ไม่ต้องการให้ตระกูลมาร์กอสกลับมาครองอำนาจอีกครั้ง ซึ่งแม้จะมีคะแนนนิยมเป็นอันดับที่ 2 แต่ก็นับเป็นสัดส่วนเพียง 23% เท่านั้น 

โรเบรโดเข้าสู่สนามการเมืองหลังจากสามีของเธอซึ่งเป็นอดีตรัฐมนตรีกระทรวงเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกในปี 2555 และประสบความสำเร็จในการเป็นผู้แทนของจังหวัดคามารีเนสเข้าใปนั่งในสภาคองเกรส สร้างผลงานทางการเมืองมามากมายทั้งด้านของการสนับสนุนสิทธิมนุษยชน การเข้าถึงประชาชนในพื้นที่ห่างไกล การรับมือภัยธรรมชาติ รวมถึงการรับมือการแพร่ระบาดของโควิด-19 เธอยังเป็นคู่ปรับที่วิพากษ์วิจารณ์ประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เต อย่างดุเดือด โดยเฉพาะเรื่องนโยบายสงครามยาเสพติดที่รุนแรง

ในการหาเสียงครั้งนี้เธอเลือกที่จะใช่สโลแกน "การปฏิวัติสีชมพู" แสดงถึงการเคลื่อนไหวเพื่อประชาชนอย่างอิสระ แทนที่สีเหลืองที่เป็นเหมือนสัญลักษ์ของขบวนการประชาชนในฟิลิปปินส์มายาวนาน และให้คำมั่นว่าจะเป็นรัฐบาลที่ซื่อสัตย์ มีการปฏิรูปเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่บอบช้ำจากโควิด-19 และแก้ไขปัญหาหนี้สินของประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น

ขณะที่การเลือกตั้งในวันจันทร์นี้จะมีชาวฟิลิปปินส์ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงกว่า 65.7 ล้านคน โดยมีการขยายเวลาลงคะแนนเป็น 06.00 น. ถึง 19.00 น. เพื่อให้มีการเว้นระยะห่างทางกายภาพมากขึ้น ป้องกันการระบาดของโควิด-19 ส่วนผลการนับคะแนนเลือกตั้งคาดว่าจะได้รู้กันภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงหลังจากปิดการเลือกตั้ง

logoline