svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

วิโรจน์ เชื่อโพลพรรคฯ ชี้ ข้าราชการเลือกมากที่สุด เหตุ ระบบงานขัดธรรมาภิบาล

26 เมษายน 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"วิโรจน์" ลั่น เลือกก้าวไกล จะได้ไม่ต้องกลับมาช้ำใจอีก เชื่อ ปชช. ออกมาใช้สิทธิ์เยอะ และตัดสินใจจากนโยบายมากกว่าคาแรคเตอร์ โว พร้อมจัดระบบข้าราชการใหม่ หากได้เป็นผู้ว่าฯ กทม.โพลพรรค ระบุ กลุ่มข้าราชการ จะเลือกตนมากที่สุด เหตุ ไม่พอใจระบบการทำงานที่ขัดธรรมาภิบาล

26 เมษายน 2565 ที่ตลาดบางเขน เขตจตุจักร นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) หมายเลข 1 พรรคก้าวไกล พร้อมผู้สมัคร ส.ก.เขตจตุจักร นายอภิวัฒน์ ด่านศรีชาญชัย ลงพื้นที่แนะนำตัว ขอคะแนนประชาชน พร้อมประชาสัมพันธ์นโยบาย และเชิญชวนออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. และ ส.ก.ในวันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคม 2565 โดยมีอดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขต 9 นายกรุณพล เทียนสุวรรณ ช่วยหาเสียงด้วย

 

นายวิโรจน์ กล่าวว่า พบพื้นที่เขตจตุจักรมีความเหลื่อมล้ำสูง เพราะมีชุมชนจำนวนมาก ซึ่งนโยบาย "เมืองที่ทุกคนเท่ากัน" ของพรรคก้าวไกลจะตอบโจทย์คนกทม. โดยเฉพาะเรื่องระบบสาธารณสุข การดูแลในช่วงมีการระบาดของโรคโควิด-19 และการเข้าถึงการรักษา รวมถึงการจัดการขยะที่ยังคงเป็นปัญหาเรื้อรัง อีกทั้งในเขตนี้เป็นแหล่งค้าขาย จึงจำเป็นต้องแก้ไขโดยด่วน

 

ผู้สื่อข่าวถามว่า เวลาที่เหลือจะทันต่อการสื่อสารนโยบายให้ตรงตามแผนที่วางไว้หรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวว่า ทัน เพราะผู้สมัคร ส.ก.ทุกคนลงพื้นที่ทำงานกันมานาน และการหาเสียงในทุกวันนี้คือ การลงพื้นที่เพียงมาย้ำเบอร์เท่านั้น

วิโรจน์ เชื่อโพลพรรคฯ ชี้ ข้าราชการเลือกมากที่สุด เหตุ ระบบงานขัดธรรมาภิบาล

ส่วนการปรับกลยุทธ์หาเสียงหลังจากนี้ นายวิโรจน์ เปิดเผยว่า การที่ห่างหายจากการเลือกตั้งสนาม กทม. มา 9 ปีนั้น หลายคนบอกประชาชนจะเลือกผู้ว่าฯ กทม. จากคาแรคเตอร์ ซึ่งตนมองเป็นเพียงส่วนหนึ่ง แต่เชื่อว่าคนส่วนใหญ่จะเลือกจากนโยบายเป็นหลักและทำได้จริง ก่อนจะย้ำว่า นี่คือจุดขายของเรา และเชื่อว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ประชาชนจะออกมาใช้สิทธิ์กันมาก

 

ผู้สื่อข่าวถามถึงคาดหวังกับผลคะแนนอย่างไร นายวิโรจน์ กล่าวว่า เป็นโอกาสดีที่ประชาชนจะได้เลือกผู้ว่าฯ กทม. จากนโยบาย และคิดว่าทุกการเลือกตั้ง คือโอกาสของการเปลี่ยนแปลง ส่วนที่พรรคก้าวไกลนำเสนอ ลำพังแค่การบริหารอย่างเดียว ภายใต้เงื่อนไขไม่เป็นธรรม โดยที่ผู้ว่าฯ กทม. น้ำท่วมปาก รับปากอย่างเดียว แต่ไม่แก้ไขเลย คงเปลี่ยน กทม. ไม่ได้ และย้ำว่า ต้องเข้าไปจัดสรรงบประมาณใหม่ แก้กติกาใหม่ให้เป็นธรรมกับประชาชน ซึ่งจะไม่มีผู้ว่าฯ กทม. คนไหนเข้ามาแก้กติกาให้กลับมาเอื้อประโยชน์ให้กับใครอีก ในส่วนของผลคะแนนของเราก็ดีขึ้น และเชื่อว่าจากข้อมูลสถิติของพรรค คะแนนของเราดีดขึ้นอย่างมาก จึงทำให้มีความสนุกกับการเลือกตั้งครั้งนี้

ส่วนซูเปอร์โพลเผยคน กทม. ส่วนใหญ่มองปัญหาของผู้ว่าฯ กทม. คือ ไม่มีสัจจะ ไม่ทำตามพูดนั้น นายวิโรจน์ เชื่อว่าไม่กล้าทำมากกว่า เพราะเกิดการยกเว้นให้คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เหมือนหลับตาข้างเดียว ตนจึงนำเสนอว่าต้องแก้ทุกอย่างให้เป็นธรรม ถ้าพรรคก้าวไกลได้มีโอกาสเข้ามาทำงาน นอกจากการที่เราจะเอาภาษีที่ดินมาเสริมสวัสดิการให้กับประชาชนแล้ว ก็จะไม่มีผู้ว่าฯ กทม. คนไหนเข้ามาปรับลดสวัสดิการเหล่านี้อีก กทม. จะได้เผชิญหน้ากับความท้าทายใหม่ๆ ไม่ต้องมาวนลูปกับปัญหาซ้ำซาก

 

เมื่อถามว่า ผลสำรวจที่ออกมาพบว่า กลุ่มนักศึกษาจะเป็นฐานเสียงส่วนใหญ่ที่เลือก นายวิโรจน์ และส่วนน้อยที่จะเลือกคืออาชีพข้าราชการ ผู้สมัครหมายเลข 1 ชี้แจงว่า ตนขอเห็นต่าง จากข้อมูลที่พรรคได้สำรวจมากลับพบว่า เป็นกลุ่มข้าราชการที่จะเลือกตนมากที่สุด เพราะไม่พอใจในระบบการทำงานที่ขัดธรรมาภิบาล และกำลังรอผู้ว่าฯ ที่จะคืนระบบนี้กลับมาทำงานให้กับ กทม. ซึ่งตนยืนยันว่าพร้อมที่จะทำงานตรงนี้ เพื่อให้ข้าราชการทำงานให้กับประชาชนได้อย่างเต็มที่ 

 

สำหรับนโยบายเรื่องคนเร่ร่อนนั้น จากการลงพื้นที่หลายคนที่ว่างงาน และกลายเป็นคนเร่ร่อน เพียงเพราะไม่รู้จะแบกรับกับค่าใช้จ่ายอย่างไร จึงต้องพูดถึงการเปิดเมืองที่ต้องรณรงค์ในการฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็ม 3 และต้องทำให้เชื่อว่าอัตราการป่วยหนักลดลง สำรองยาที่จำเป็นไว้มากพอ และเปิดเผยอย่างโปร่งใส มีระบบการจัดหาเตียงที่ดี เมื่อกล้าที่จะเปิดเผย ความกลัวก็จะลดลง การเปิดเมืองก็จะเกิดความมั่นใจมากขึ้นเศรษฐกิจก็จะกลับมา เราต้องเปิดเมืองเพื่อคนไทยทุกคนก่อน ไม่ใช่แค่นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามา ส่วนคนไร้บ้านที่สมัครใจที่จะไร้บ้าน ก็ไม่ควรปล่อยให้กลุ่มคนเหล่านี้ไร้สิทธิ์ เช่น สิทธิการเข้าถึงการรักษา สวัสดิการผู้สูงอายุ เด็กยากจน เป็นต้น ซึ่งต้องทำให้กลุ่มคนเหล่านี้มีสิทธิที่พึ่งมีให้ได้

logoline