เปิดข้อบังคับปชป.เกมล้างไพ่"ไปต่อ"หรือ"พอแค่นี้”

แกนนำพรรคฝ่ายสนับสนุน "จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์" หัวหน้าพรรค ยังประเมินว่าปัญหาภายในพรรคไม่จบง่ายแน่ จึงมีการวิเคราะห์กันต่อไปว่า จังหวะก้าวของฝ่ายที่เรียกร้องความรับผิดชอบและกดดันจุรินทร์นั้น จะเดินหน้าอย่างไรต่อไป ซึ่งแนวโน้มมี 2 แนวทางด้วยกัน 

แนวทางแรก ล้างไพ่กรรมการบริหารพรรคชุดนี้ วิธีการต้องไปดูที่ข้อบังคับพรรคประชาธิปัตย์ ข้อ 37 กรรมการบริหารพรรคจะพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะเมื่อ หัวหน้าพรรคลาออก หรือตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคว่างลงเกินกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนทั้งหมด หรือที่ประชุมใหญ่มีมติด้วยคะแนนเสียง 3 ใน 4 

หากมาวิเคราะห์ความเป็นไปได้ในแต่ละเงื่อนไข 

-หัวหน้าพรรคลาออก แต่จนถึงขณะนี้เป็นไปไม่ได้ เพราะหัวหน้าจุรินทร์ประกาศแล้วว่าจะไม่ลาออก

-กรรมการบริหารว่างลงเกินกึ่งหนึ่ง ซึ่งเช็คเสียงในกรรมการบริหารพรรคซึ่งมีจำนวน 37 คน เกินกึ่งหนึ่งต้องมี 19 คน ขณะนี้ลาออกไปเพียง 3 คน ประกอบด้วย ปริญญ์ พานิชภักด์ กนก วงษ์ตระหง่าน / และ มัลลิกา บุญมีตระกูล ตัวเลขจึงยังห่างไกล 19 คนอยู่มาก

ฉะนั้นจึงเหลืออีกแนวทางหนึ่งคือ ใช้มติ 3 ใน 4 ของที่ประชุมใหญ่ แต่คำถามคือ จะขอให้พรรคเปิดประชุมใหญ่ วิสามัญ ต้องทำอย่างไร 

เมื่อพลิกดูข้อบังคับพรรคที่ 78 การประชุมใหญ่มี 2 แบบ แบบสามัญ โดยปกติ ประชุมปีละครั้ง และประชุมไปแล้วเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา กับ แบบวิสามัญ หรือวาระพิเศษ

แต่การจะเปิดวิสามัญได้นั้น นอกจากให้กรรมการบริหารเรียกประชุมแล้ว ยังมีแนวทางใช้เสียง ส.ส. 1 ใน 4 หรือสมาชิกพรรคไม่น้อยกว่าม 1,000 คน ยื่นเรื่องขอเปิดประชุมใหญ่ด้วย 

ถ้าใช้เสียง ส.ส. 1 ใน 4 คิดจาก ส.ส.ประชาธิปัตย์ 52 คน ก็ใช้ ส.ส. 13 คน ต้องรอดูว่าจะมีการเดินเกมล่าชื่อ ส.ส.กันหรือไม่ หรือจะใช้เงื่อนไขสมาชิกพรรค 1,000 คน หลังจากนี้ต้องรอดู 

แนวทางที่ 2 ใช้กระแสสังคมกดดันต่อเนื่อง โดยอ้างเรื่อง "เลือดไหลออก" และความตกต่ำของพรรคที่แพ้เลือกตั้งต่อเนื่อง 30 ปี ชนะเลือกตั้งครั้งสุดท้าย ในการเลือกตั้งปี 35/2 หรือเมื่อ 30 ปีที่แล้ว 

แต่เรื่องความตกต่ำของพรรคที่ผ่านๆ มา โดยเฉพาะการแพ้เลือกตั้งนั้น ต้องให้ความเป็นธรรมกับจุรินทร์ว่า ไม่ได้เป็นคนก่อ แต่เป็นคนที่มาแก้ไข 

ฉะนั้นปัญหาที่ท้าทายพรรคประชาธิปัตย์ขณะนี้ก็คือ 

1.ถ้าเลือดไหลออกจบเพียงเท่านี้ ทีมหัวหน้าจุรินทร์ จะสร้างเอกภาพภายในพรรคได้หรือไม่ อย่างไร 

2.ถ้าเกมนี้ยังไม่จบ และไปจนสุดทาง คือ ล้างไพ่กรรมการบริหารพรรคใหม่ พรรคจะดีขึ้นจริงหรือไม่ และใครจะเป็นอัศวินขี่ม้าขาวมากู้วิกฤติพรรค...เป็นเรื่องที่ต้องติดตาม