ผู้อำนวยการ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พันโทหนุน ศันสนาคม ระบุ โครงการสลาก 80 บาท ระยะที่ 2 มีตัวแทนจำหน่ายสมัครเข้ามาทั้งหมด 4,790 ราย จาก 77 จังหวัด 691 อำเภอ และมีอำเภอที่ไม่มีผู้สมัคร 237 อำเภอ ขณะนี้ ได้ดำเนินการคัดเลือกไปแล้ว ได้ตัวแทนจำหน่ายพร้อมเข้าร่วมโครงการ ในกรุงเทพ ปริมณฑล และภาคกลาง ผ่านคุณสมบัติและหลักเกณฑ์เบื้องต้นเข้ามาจำนวน 1,046 ราย ได้ตัวแทนเข้าร่วมโครงการ จำนวน 132 ราย ขณะนี้เริ่มจำหน่ายสลากงวดวันที่ 2 พฤษภาคม 2565 แล้ว
สำหรับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ผ่านคุณสมบัติและหลักเกณฑ์เบื้องต้นเข้ามาจำนวน 755 ราย คัดเลือกได้จำนวน 151 ราย คาดว่าจะสามารถทำสัญญาประมาณปลายเดือนเมษายนนี้ และจะเริ่มขายสลากงวดวันที่ 1 มิถุนายน
สำหรับ ภาคตะวันออก ผ่านคุณสมบัติและหลักเกณฑ์เบื้องต้นเข้ามาจำนวน 333 ราย จาก 53 อำเภอ จะไปดำเนินการชี้แจงหลักเกณฑ์ และทำการคัดเลือก ในวันที่ 23 – 24 เมษายนนี้
ส่วนภาคเหนือมีผู้ผ่านคุณสมบัติเบื้องต้น 996 ราย จาก 148 อำเภอ และภาคใต้ ผ่านคุณสมบัติเบื้องต้น 450 ราย จาก 84 อำเภอ ปลายเดือนพฤษภาคมนี้ และจะเริ่มขายสลากงวดวันที่ 1 กรกฎาคม 2565 สำหรับจำนวนที่เหลือ เพิ่มเติมให้ครบจำนวน 1,000 จุด เพื่อให้โครงการเป็นไปอย่างต่อเนื่องต่อไป
สำหรับโครงการลงทะเบียนผู้ซื้อ-จองล่วงหน้าฯ นั้น จากมาตรการที่กำหนดให้ผู้มีสิทธิทำรายการซื้อ-จองล่วงหน้า ฯ ปี 2558 ที่ลงทะเบียนยืนยันตัวตน ต้องดำเนินการ Scan QR Code และยืนยันผ่านเป๋าตังนั้น ตั้งแต่งวด 16 มีนาคม 2565 จนถึงปัจจุบัน ผู้ซื้อ-จองล่วงหน้าปี 2558 ที่ยืนยันตัวตนเข้ามา 129,290 ราย มีจำนวน 65,365 ราย ที่โหลด QR code เพื่อให้ผู้ซื้อ Scan ผ่านแอปพลิเคชั่น Line ของสำนักงานฯ
ล่าสุด มีผู้ซื้อให้ความร่วมมือในการ Scan แล้ว 3,132,566 ครั้ง จากผู้ซื้อ-จองล่วงหน้าฯ 53,943 ราย และจากการลงพื้นที่สำรวจผู้จำหน่ายสลากฯ ของชุดเฉพาะกิจ ตั้งแต่งวด 16 มีนาคมที่ผ่านมา จำนวนผู้จำหน่ายสลากที่ตรวจสอบเกือบ 8,000 ราย แบ่งเป็น ตัวแทนจำหน่าย, ผู้ซื้อ-จองล่วงหน้าสลากฯ และผู้ค้านอกระบบ ซึ่งสำนักงานฯ ต้องนำรายชื่อทั้งหมดมาตรวจสอบกับระบบฐานข้อมูลของสำนักงานสลากอีกครั้งหนึ่งว่าถูกต้องตรงกันหรือไม่
ในส่วนของโครงการจำหน่ายสลากผ่านแพลตฟอร์มจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล หรือสลากดิจิทัล ขณะนี้อยู่ระหว่างการกำหนดรูปแบบเพื่อทดสอบระบบ และนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล เพื่อให้ความเห็นชอบก่อนเริ่มดำเนินการในงวดวันที่ 16 มิถุนายน 2565 ต่อไป
สำหรับการแก้ไขปัญหาระยะยาวเกี่ยวกับการออกผลิตภัณฑ์ใหม่นั้น ยังต้องลงพื้นที่เพื่อรับฟังความคิดเห็นประชาชนเกี่ยวกับรูปแบบ ซึ่งคาดว่าจะลงพื้นที่จัดกิจกรรมรับฟังความคิดเห็นประชาชนได้ หลังจากสถานการณ์โควิด 19 จะคลี่คลาย