svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

ซิโนแวค เดินหน้าพัฒนา "วัคซีนเชื้อตาย" ป้องกันโควิดกลายพันธุ์

13 เมษายน 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"ซิโนแวค" เดินหน้าพัฒนาวัคซีนเชื้อตายต่อเนื่อง ป้องกันโควิดกลายพันธุ์ที่เกิดต่อเนื่อง พร้อมขยายกำลังการผลิตตอบสนองความต้องการ ประกาศความเป็นผู้นำการผลิตวัคซีนในตลาดโลก ทั้งเชื้อเป็นและตาย

13 เมษายน 2565 นายเหมิง เหว่ยหนิง รองประธานบริษัท ซิโนแวค ไบโอเทค (ฮ่องกง) จำกัด เปิดเผยว่า การอนุมัติจากองค์การอาหารและยา (อย.) ของประเทศไทย ในการให้ใช้วัคซีนโคโรนาแวค (CoronaVac) กับเด็กที่มีอายุ 6 ปีขึ้นไป ยืนยันถึงประสิทธิผลที่แข็งแกร่งของวัคซีนโคโรนาแวค ที่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับคนไทยว่าวัคซีนเชื้อตาย ยังคงมีประสิทธิผลในการป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 

 

บริษัทเริ่มดำเนินการมา 20 ปี มีประสบการณ์กับโรคอุบัติใหม่มากมาย และมีโรงงานผลิต 4 แห่ง ในปักกิ่ง ที่เขต ไห่เตียน ฉางผิง ต้าชิง และในต้าเหลียน ด้วยกำลังผลิตมากกว่า 400 ล้านโดสต่อปีสำหรับวัคซีนมากกว่า10 ตัวครอบคลุม 30 ประเทศทั่วโลก ด้วยโปรดักส์ 12 ตัวใน 22 specifications ในขณะที่วัคซีนโควิด -19 มีกำลังผลิต 2,000 ล้านโดสต่อปี และกำลังขยายกำลังการผลิตไปสู่ 2,500 ล้านโดสต่อปี 

 

ขณะนี้ ซิโนแวค มีสูตรบูสเตอร์ หรือเข็มกระตุ้นที่ประเทศชิลี กว่า 1 แสนคน ที่ได้รับการฉีดและอยูาในการศึกษาเข็มกระตุ้น เพิ่มภูมิคุ้มกันในผู้ใหญ่ได้ดีในสายพันธุ์ที่น่ากังวลและป้องกันการติดเชื้อ อาทิ โอมิครอน นอกจากนี้ยังมีวัคซีนที่กำลังพัฒนา เป็นการศึกษาเฟส 3 อาทิ วัคซีนปอดอัคเสบ ไวรัสบี และอื่นๆ 

 

“ตอนนี้เรากำลังศึกษา และกำลังคุยกับรัฐบาล เพื่อทำการศึกษาทางคลินิค และตอนนี้เริ่มผลิตวัคซีนสำหรับสายพันธุ์โอมิครอนแล้ว และยังมีแผนผลิต วัคซีน mRNA วัคซีนเชื้อเป็น ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษา แต่เรามองว่าเทคนิคเชื้อตายของเราทำได้ดีกว่า ด้วยเทคนิคหลากหลายรูปแบบ โดยใช้แพลทฟอร์มของเทคโนโลยีหลายตัวและเรายังทำงานร่วมกับหน่วยงานวิจัยอื่นๆ รวมทั้งสถาบันการศึกษาต่างๆ เพื่อพัฒนาวัคซีนสำหรับสายพันธุ์ต่างๆ ”

 

ซิโนแวค เดินหน้าพัฒนา "วัคซีนเชื้อตาย" ป้องกันโควิดกลายพันธุ์

 

นายเหมิง กล่าวว่า เราร่วมมือกับนักวิทยาศาสตร์ เพื่อพัฒนาวัคซีนสำหรับไวรัสสายพันธุ์ใหม่ๆ เป็นการพัฒนาล่วงหน้า แต่ตอนนี้ให้ความสำหรับ กับโควิด -19 เป็นหลัก ตอนนี้ที่กำลังศึกษาอยู่ใน เฟส 1-3 และ 4 สำหรับโอมิครอน ซึ่งเป็นสายพันธุ์พิเศษ เป็นเวอร์ชั่นพิเศษ สำหรับการลงทุนเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซีอีโอของซิโนแวค เพิ่งประกาศ ลงทุนประมาณ 10 ล้านหยวน สำหรับการศึกษา ในช่วง 2 เดือน ลงนามในสัญญาการพัฒนา กับสถาบันวิจัยระดับสูงในจีน และลาตินอเมริกา

 

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากการศึกษาและใช้งานจริงแสดงประสิทธิภาพของ โคโรนาแวค ในการป้องกันโควิด-19 ได้ถึง 74.5% ช่วยลดการรักษาในโรงพยาบาลได้ถึง 91.0% และลดการเข้า ICU ได้ถึง 93.8% ในเด็กและวัยรุ่นอายุ 6 ถึง 16 ปี 95% ของผู้ได้รับวัคซีนโคโรนาแวค จำนวน 3 โดสสร้างภูมิคุ้มกันชนิดลบล้างฤทธิ์ไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน มีการใช้วัคซีนโคโรนาแวค แล้วกว่า 26.3 ล้านโดสในประเทศไทย

 

ซิโนแวค ไบโอเทค ได้ศึกษาและใช้งานจริงในชิลีพบว่า ในเด็กและวัยรุ่น 2 ล้านคนที่มีอายุระหว่าง 6 ถึง 16 ปี ที่ได้รับการฉีดวัคซีนโคโรนาแวคครบถ้วน ประสิทธิผลของวัคซีนในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงถึง 74.5% ช่วยลดความจำเป็นในการรับการรักษาที่โรงพยาบาลได้ถึง 91.0% และป้องกันการรักษาตัวในแผนกผู้ป่วยหนักได้ถึง 93.8% ในเด็กและวัยรุ่นอายุ 6 ถึง 16 ปี ข้อมูลการศึกษานี้เปิดเผยโดย นายเหมิง เหว่ยหนิง รองประธานบริษัท ซิโนแวค ไบโอเทค (ฮ่องกง) จำกัด ระหว่างการให้สัมภาษณ์พิเศษทางออนไลน์กับสื่อมวลชนในประเทศไทย

 

 

ซิโนแวคและวัคซีนโคโรนาแวค รับมือกับสถานการณ์ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่สำคัญของประเทศไทย วัคซีนโคโรนาแวค เป็นวัคซีนสำหรับไวรัสโควิด-19 ชนิดแรกที่ประเทศไทยนำเข้า และเป็นวัคซีนที่สองที่ได้รับการอนุมัติจากกระทรวงสาธารณสุขของประเทศไทยให้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน จนถึงขณะนี้มีการใช้วัคซีนโคโรนาแวค แล้วกว่า 26.3 ล้านโดสในประเทศไทย ซิโนแวคยังได้กระจายวัคซีนกว่า 10 ล้านโดสให้กับ 21 ประเทศภายใต้โครงการ CHINA AID ซึ่งในจำนวนนี้ 500,000 โดสได้ส่งมอบให้ประเทศไทย 

 

นายเหมิง เหว่ยหนิง รองประธานบริษัท ซิโนแวค ไบโอเทค (ฮ่องกง) จำกัด

นายเหมิง กล่าวย้ำว่า วัคซีนโคโรนาแวค เสริมสร้างประสิทธิผลในการป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 และการเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล การศึกษาจากข้อมูลการใช้งานจริง (real world data) ในประเทศชิลีเกี่ยวกับการกระตุ้นภูมิคุ้มกันด้วยวัคซีนโคโรนาแวค แสดงให้เห็นว่าประสิทธิผลในการป้องกันการเจ็บป่วยจากเชื้อไวรัสโควิด-19 ของผู้ได้รับวัคซีนเพิ่มขึ้นเป็น 80% ในระยะเวลา 14 วันหลังจากมีการฉีดวัคซีนโคโรนาแวค กระตุ้น ประสิทธิผลป้องกันการติดเชื้อที่มีอาการเพิ่มขึ้นเป็น 80.2% จาก 56% และประสิทธิผลป้องกันความจำเป็นในการเข้ารับการรักษาพยาบาลเพิ่มขึ้นเป็น 88% จาก 84%

 

วัคซีนโคโรนาแวค ช่วยป้องกันผู้ได้รับวัคซีนจากเชื้อไวรัสโควิด-19 จากสายพันธุ์ต่าง ๆ ที่น่ากังวลรวมถึงโอมิครอน การศึกษาที่ตีพิมพ์ใน Medrxiv ในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 พบว่าผู้ที่ได้รับวัคซีนกระตุ้นโคโรนาแวค มี T-cells และมีภูมิคุ้มกันชนิดลบล้างฤทธิ์ไวรัส ต่อสายพันธุ์เดลต้าและโอมิครอน นอกจากนั้นยังพบจากผลการศึกษาว่า ภูมิคุ้มกันชนิดลบล้างฤทธิ์ไวรัสโคโรนาเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วง 4 สัปดาห์แรกหลังจากมีการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น นอกจากนั้นมีการเพิ่มขึ้น T-cells สูงสุด ใน 4 สัปดาห์หลังจากการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น ซึ่งสะท้อนความสามารถในการต่อต้านสายพันธุ์เดลต้าและโอมิครอน 

 

จากข้อมูลเกี่ยวกับการสร้างภูมิคุ้มกันและความปลอดภัย โคโรนาแวค มีความเหมาะสมกับกลุ่มประชากรที่หลากหลาย รวมทั้งผู้ป่วยจากโรคเรื้อรัง (โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคจากระบบหายใจเรื้อรัง โรคเบาหวาน โรคอ้วน โรคมะเร็ง และโรคความดันสูง) ผู้สูงอายุ เด็ก สตรีมีครรภ์ และสตรีภายหลังการคลอดบุตร

 

วัคซีนโคโรนาแวค ได้รับการอนุมัติให้ใช้ในกรณีฉุกเฉินและการทำการตลาดอย่างมีเงื่อนไขโดยหน่วยงานกำกับดูแลด้านยาและองค์การอนามัยโลกในกว่า 50 ประเทศและภูมิภาค ทั้งนี้ มีการจัดส่งวัคซีน โคโรนาแวค แล้วกว่า 2,700 ล้านโดสทั่วโลก และเด็กที่มีอายุระหว่าง 3 ถึง 17 ปีในประเทศจีนได้รับวัคซีน จำนวนมากกว่า 250 ล้านโดส ณ เดือนมกราคม 2565 

 

วัคซีนโคโรนาแวค เป็นวัคซีนที่มีการใช้อย่างแพร่หลาย มีอาการข้างเคียงต่ำ ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ นับเป็นเครื่องมือทางสาธารณสุขที่สำคัญในการต่อสู้กับสถานการณ์โรคระบาด ข้อมูลจากการทดลองทางคลินิกแสดงให้เห็นว่าวัคซีนโคโรนาแวค มีการพัฒนาและมีประสิทธิผล 65.3% ในการป้องกันโควิด-19, 87.5% สำหรับการป้องกันการรักษาในโรงพยาบาล, 90.3% สำหรับการป้องกันการเข้า ICU และ 86.3% สำหรับการป้องกันการเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 ข้อมูล จากการทดลองทางคลินิกที่หลากหลายแสดงให้เห็นว่าวัคซีน CoronaVac® มีความเกี่ยวพันกับผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ในระดับต่ำ

 

ซิโนแวค เดินหน้าพัฒนา "วัคซีนเชื้อตาย" ป้องกันโควิดกลายพันธุ์

ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ

logoline