เข้าสู่เทศกาลสงกรานต์2565 พี่น้องประชาชนต่างเดินทางกลับภูมิลำเนาต่างจังหวัด เพื่อกลับไปเยี่ยมพ่อเฒ่าแม่แก่ตามเทศกาลประเพณีปีใหม่ไทย ขณะะที่ประชาชนอีกจำนวนไม่น้อยใช้โอกาสเทศกาลหยุดยาว พาครอบครัวเดินทางท่องเที่ยว
แน่นอนเทศกาลสงกรานต์ในช่วง1-2 ปีที่ผ่านมาอยู่ท่ามกลางการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 จวบจนถึงปัจจุบันที่ทั่วโลกต้องเผชิญการแพร่ระบาดไวรัสกลายพันธุ์ โอมิครอน จึงเป็นอีกสถานการณ์สำคัญที่กำลังจับตามองหลังเทศกาลสงกรานต์ การแพร่ระบาดไวรัส โควิด-19 โอมิครอน จะเป็นอย่างไร
รายการคมชัดลึก โดย วราวิทย์ ฉิมมณี พิธีกรรายการสัมภาษณ์ศ.เกียรติคุณ นพ.อมร ลีลารัศมี กรรมการแพทยสภา และ รศ.(พิเศษ) นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ ผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ จับตาสถานการณ์ "โควิด-19" ระบาดหนักในช่วงเทศกาลสงกรานต์ อาจมียอดผู้ติดเชื้อสูงกว่า 1 แสนคนต่อวันความท้าทายครั้งใหญ่ เราจะรับมืออย่างไร
วราวิทย์ - ตัวเลขที่คุณหมอคิดในใจถ้าไม่ใช่ 25,000 คน คิดไว้ประมาณเท่าไหร่อย่างไร
นพ.ทวี - ตรงนี้เกิดจากการคาดเดาตอนนี้ RT-PCR ที่บวกอยู่ 25,000 คน และที่ไม่ได้ทำแล้วก็ไปใช้แล็ปอื่นผมคิดว่า 2-3 เท่าของตัวเลขนี้
วราวิทย์ - พอสงกรานต์ผู้คนพบปะญาติพี่น้องเจอกันที่บ้านต่างจังหวัด แล้วหลังสงกรานต์คิดว่าเท่าไหร่ครับ
นพ.ทวี - ที่เห็นชัดเจนหลังสงกราต์คือพวกเราจะทนได้ดีขึ้น เพราะว่าผมคิดว่าโรคนี้ไปถึงจุดหนึ่งแล้วไม่ใช่เฉพาะคนไทย แต่ทั่วโลกเป็นแบบนี้หมด เห็นผลหลังสงกรานต์คิดทนทานมากขึ้น
วราวิทย์ - ทนทานความรู้สึกก็คือ ร่างกายสู้กับมันไหวจริงหรือไม่ เทียบกับที่เห็นผู้เสียชีวิตหลักร้อยคนต่อวัน
นพ.ทวี - เชื้อยังเหมือนเดิมอ่อนตัวลงและ ร่างกายคนเราก็ยังเหมือนเดิม กลุ่มที่อาการหนักก็คือกลุ่มผู้สูงอายุ มีโรคประจำตัว ฉะนั้นเราจะเห็นว่า 3 ปีที่ผ่านมา สงกรานต์ทุกที สงกรานต์เมื่อ 3 ปีที่แล้วพวกเราทุรนทุรายมาก จะไปไหนทีต้องผ่านด่านจังหวัดโน้นจังหวัดนี้ ปีที่ 2 เริ่มชิน พอปีนี้รถติดตั้งแต่ก่อนที่จะหยุดยาวเลย ตั้งแต่เสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมารถติดหมดเลย แล้ววันที่มารถโล่ง
อย่างที่ผมบอกคนไทยจะเริ่มคุ้นชินขึ้น แต่อย่างไรก็ตามการคุ้นชิน คือคุ้นชินในแง่ของชีวิตประจำวัน แต่เราจะต้องคุ้นชินเกี่ยวกับการป้องกันเพื่อจะลดความเสี่ยงในการติดโรค โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้สูงอายุและผู้มีโรคประจำตัว
ความหวังทางรอดโควิดสู่โรคประจำถิ่น
วราวิทย์ - ทางที่เราจะไปสู่โรคประจำถิ่น ผมจำได้ว่าหลายๆท่านบอกว่าผู้เสียชีวิตไม่เกิน 0.1 ตอนนี้ 0.2 ภาพรวม 0.6 หมายถึงตั้งแต่ปี 63 ก็ยังไม่ใกล้เคียง 0.1 ต้องกดลงมาอีก
นพ.อมร - ที่จริงมีที่คนเป็นน้อยๆเป็นต่ำๆไม่ได้เข้ามาในระบบอีกเยอะ ตัวเลขอาจจะลงมาแล้วก็ได้ แต่หลักการสำคัญคือจะเป็นโรคประจำถิ่นได้ โดยทั่วไปก็คือเป็นเชื้อที่ไม่ค่อยกลายพันธุ์ และภูมิคุ้มกันที่เราได้มาจะอยู่ได้เป็นปีหรือตลอดชีวิตเลย สมมุติถ้าหากว่าโอมิครอนกลายพันธุ์เป็นตัวสุดท้ายหวังว่าอย่างนั้นนะ แต่ถ้ามีการกลายพันธุ์อีกก็ต้องตามไปอีก เช่นการปรับวัคซีนให้ดีขึ้นไปอีก เพราะฉะนั้นถ้าเมื่อไหร่ที่จะกลายเป็นโรคประจำถิ่นได้จะต้องไม่ค่อยกลายพันธุ์แล้ว
วราวิทย์ - ตกลงทฤษฎีที่จะวัดว่าจะเป็นโรคประจำถิ่น มันคืออัตราผู้เสียชีวิตหรือการหยุดการพันธุ์ของโรคกันแน่ครับคุณหมอ
นพ.อมร - คือจริงๆที่ผมพูดคือตัวต้นเหตุ ถ้าหากไม่มีการ กลายพันธุ์ตัวอย่างจากภูมิต่างๆที่เกิดขึ้น อัตราการเสียชีวิตน้อยลง คนป่วยน้อยลง เมื่อไหร่เลิกกลายพันธุ์พวกนี้จะลงไปหมด เพราะวัคซีนที่ฉีดเข้าไปจะมีภูมิคุ้มกันได้ดีหมด มันอยู่ที่ตัวนี้ตัวเดียวที่เป็นหลักสำคัญถ้าตัวนี้ไม่กลายพันธุ์ จะเป็นโรคประจำถิ่นได้
นพ.ทวี - ถามว่าถอดหน้ากากอนามัยเลยได้ไหม หลายประเทศนำเราก่อนและ ยุโรปหรืออเมริกาเขาไม่แคร์แล้วเปิดไปเลย เราก็จะเรียนรู้จากเขา แล้วปรากฎว่าเป็นไงของเขาก็ทะลุขึ้นมาเยอะแยะ ตอนนี้เป็นไงลดลงแล้ว มันเกิดภูมิคุ้มกันหมู่เริ่มติดกันมากจนกระทั่ง ถ้าเกิดอาจารย์อมรพูดถึงว่าโอมิครอนคือตัวสุดท้ายผมก็เดาเราน่าจะมีความหวัง เพราะฉะนั้นมันก็ถึงเวลาเหมือนกันหลายๆประเทศเขาไปแล้ว ฉะนั้นเราก็ต้องสู้ด้วยตัวของเราเหมือนกัน แล้วแต่ใครจะคิดว่าถึงเวลาหรือยังๆ มันไม่มีอะไรที่ได้ร้อยเปอร์เซนต์หรือเสียร้อยเปอร์เซนต์หรอก
ชมคลิปฉบับเต็ม>>>>