วันนี้ (7 เม.ย.)ที่กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและผู้บริหารกระทรวง ร่วมกิจกรรมสงกรานต์สุขใจปลอดภัยทั่วไทยสูงวัยได้ฉีดวัคซีน. ภายใต้ รณรงค์ SAVE 608 by Booster dose
นายอนุทิน ระบุว่า ก่อนการเดินทางกลับบ้านสงกรานต์ 1 สัปดาห์ขอให้ประชาชนงดการเดินทางไปยังสถานที่เสี่ยงเพื่อลดการติดเชื้อโควิค 19 และขอให้ตรวจเชื้อด้วยชุดตรวจATK ก่อนเดินทางกลับบ้าน และการเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้น
ถึงแม้ภาพรวมของประเทศ จะมีการฉีดไปแล้วกว่า 130 ล้านโดส แต่ยอมรับว่า ในการเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้นของผู้สูงอายุยังไม่อยู่ในเป้าหมายที่วางไว้ โดยในจำนวน2ล้านคนนี้ถึงแม้จะมองภาพรวมประเทศเปรียบเทียบดูน้อยแต่หากเป็นไปได้ อยากให้เข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้นให้ได้มากที่สุด
โดยได้สั่งการในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ขอให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัด ผู้อำนวยการโรงพยาบาลทุกโรงพยาบาล และกรมควบคุมโรค ขอให้จัดเตรียมวัคซีนให้มีความเพียงพอในการฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มเสี่ยงกลุ่มผู้สูงอายุหรือประชาชนที่ยังไม่ได้รับวัคซีนเช็มกระตุ้น ในช่วงที่เดินทางกลับบ้าน ถึงแม้จะไม่สามารถที่จะป้องกันการติดเชื้อได้ทุกคน แต่หลังช่วงสงกรานต์นี้ จะเป็นช่วงสำคัญของคนไทยที่จะช่วยกันเฝ้าระวังการแพร่ระบาดโควิด-19 หากควบคุมสถานการณ์ได้ดี ก็จะช่วยลดการสูญเสียของชีวิต และลดอาการรุนแรงอาการเจ็บป่วยจากโควิด-19 ซึ่ง2 ปัจจัยข้างต้น เป็นปัจจัยหลักที่จะให้ความสำคัญในตอนนี้
นายอนุทิน ระบุเพิ่มเติมว่า การเสียชีวิตในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา จะเกิดในกลุ่ม 608 มากกว่าร้อยละ90 โดยไม่อยากให้ถึง 100 เปอร์เซ็นต์ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องป้องกันในกลุ่มเสี่ยงกลุ่มผู้สูงอายุมีไว้ หากได้รับวัคซีนโควิด-19 และวัคซีนเข็มกระตุ้นก็จะมีความปลอดภัยมากขึ้นหากติดเชื้อ อาการก็จะไม่รุนแรง
โดยได้ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกท่านให้ใช้ดุลพินิจในการออกกฎระเบียบในการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 โดยกระทรวงสาธารณสุขพร้อมที่จะสนับสนุนทุกจังหวัด
ส่วนในวันพรุ่งนี้ 8 เมษายน 2565 จะมีการประชุมศบค. นายอนุทิน ระบุว่า มีหลายมาตรการ ที่ทางกระทรวงสาธารณสุขจะเสนอ หากผ่านช่วงเทศกาลสงกราต์ แล้วแนวโนมการติดเชื้อไม่มาก เหมือนที่คาดการณ์ไว้ อาจมีมาตราการผ่อนคลายหลายมาตราการ เช่น กรมควบคุมโรคเตรียม เสนอการงดตรวจRT-PCR ให้คงเหลือเพียงการตรวจATK
ด้าน นายแพทย์ โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุว่า ตั้งแต่มีสถานการณ์โควิด-19 ไทยได้เริ่มให้ ๆจัดหาวัคซีนอย่างต่อเนื่อง และตอนนี้มีเพียงพอ โดยประเทศไทย ฉีดวัคซีนโควิด-19 ไปแล้วกว่า 130 ล้านโดส โดยทุกจังหวัดได้เร่งรัดการฉีดวัคซีนโควิดให้อย่างครอบคลุม โดยเฉพาะการเร่งฉีดวัคซีนในกลุ่มเสี่ยงกลุ่มกลุ่มผู้สูงอายุ ทั้งเข็ม1 และ วัคซีนเข็มกระตุ้น ที่ตอนนี้ ได้รณรงค์ SAVE 608 by Booster dose / หลังจากในกลุ่มผู้สูงอายุ เข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้นเพียงร้อยละ 37
ซึ่งข้อมูลที่ผ่านมา การเสียชีวิตจากโควิด-19 วันที่ 1 มกราคม -28 กุมภาพันธ์ 2565 ผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปี ถึงร้อยละ 75 ของผู้เสียชีวิตทั้งหมด// โดยพบ ว่าในจำนวนผู้เสียชีวิต 928 ราย มีถึงร้อยละ 60 ที่ไม่มีประวัติการฉีดวัคซีน. ซึ่งวัคซีนสามารถป้องกันอัตราการเสียชีวิตของผู้สูงอายุได้อย่างมาก
ขณะที่ พญ. สุมนี วัชรสินธุ์ ผู้อํานวยการสํานักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ กรมควบคุมโรคระบุเพิ่มเติมว่า ในกลุ่มผู้สูงอายุ ยังไม่รับวัคซีนโควิดเลย ในเดือน มกราคม มีประมาณ 2.2 ล้านคน เดือน กุมภาพันธ์ เหลือ 2.17 ล้านคน ขณะที่เดือนมีนาคม อยู่ 2.07 ล้านคน ส่วนใหญ่ เป็นผู้สูงอายุคนที่ติดบ้าน ติดเตียง และคิดว่าตัวเองไม่ได้ออกไปไหน จึงไม่มีความเสี่ยง ซึ่งสัดส่วนการติดเชื้อของผู้สูงอายุ จะมาจากช่วงหยุดยาว มีการจัดกิจกรรม ลูกหลานกลับบ้าน
ขณะที่ การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นในกลุ่มผู้สูงอายุ ตอนนี้มีเพียง 7 จังหวัด ที่ฉีดเกินร้อยละ70 คือ น่าน นนทบุรี สมุทรปราการ ภูเก็ต มหาสารคาม ลำพูน และจังหวัดชัยนาท