“ธรรมนัส”จวกรัฐบาลบริหารผิดพลาดใช้ทหารนำการเมือง

             เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 5 เมษายน 2565 ที่ศูนย์ประสานงานพรรคเศรษฐกิจไทย สาขาภาคเหนือ อำเภอดอยหล่อ  จังหวัดเชียงใหม่ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคเศรษฐกิจไทย นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ นายทะเบียนสมาชิก พรรคเศรษฐกิจไทย ดร.ธนสาร ธรรมสอน กรรมการบริหารพรรคเศรษฐกิจไทย นายนเรศ ธำรงทิพยคุณ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 8 จังหวัด เชียงใหม่ พรรคเศรษฐกิจไทย พร้อมด้วยสมาชิกพรรค และชาวบ้านในพื้นที่จำนวนมาก มาร่วมเปิดศูนย์ฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย เขต 8 จังหวัดเชียงใหม่

             ร้อยเอกธรรมนัส กล่าวว่า  การเปิดศูนย์ฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย   โดยพรรคเศรษฐกิจไทย จะเกิดขึ้นในทุกภูมิภาคของประเทศ ที่ผ่านมาได้มีการลงพื้นที่เพื่อรวบรวมปัญหาของชาวบ้านในระดับรากหญ้า  เพื่อนำมาแก้ไขและนำมาเป็นนโยบายของพรรคเมื่อรับฟังปัญหาแล้วต้องนำกลับมาพิจารณาหาทางแก้ไข  เพื่อที่จะฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจฐานรากให้มีความเข้มแข็ง

             การที่มีเงินเข้ามาให้ประชาชน เช่น โครงการคนละครึ่ง เป็นเหมือนการเลี้ยงลูกนกไว้ในกรง ไม่มีความเข้มแข็งเมื่อหิวข้าวก็นำไปป้อน แต่พรรคเศรษฐกิจไทยมีแนวคิดจะทำอย่างไรให้แต่ละชุมชนมีความเข้มแข็ง ให้ประชาชนในระดับฐานรากสามารถลืมตาอ้าปากได้ ดังนั้นจึงมีแนวคิดที่จะจัดตั้งศูนย์ฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยในทุกสาขา ให้มีอยู่ในทุกชุมชนทุกเขตของแต่ละจังหวัด โดยไม่ใช่เป็นศูนย์ประสานงานการเลือกตั้งเพียงอย่างเดียว เพื่อที่จะสามารถแก้ไขปัญหาของชาวบ้านในพื้นที่ได้อย่างทันท่วงทีถือเป็นจุดประสงค์หลักของพรรคเศรษฐกิจไทย

              สำหรับศูนย์ฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย ของพรรคเศรษฐกิจไทย เปิดเป็นแห่งแรกที่จังหวัดเชียงใหม่เขต 8 เนื่องจากให้ความสำคัญของชาวเชียงใหม่ จากการเลือกตั้งผ่านมา 2 ครั้ง มั่นใจว่าจะเป็นตัวแทนของประชาชนได้มากกว่าใครบางคน การเลือกตั้งครั้งต่อไปขอให้คิดให้ดีก่อนที่จะกล้าให้ใคร การที่ได้เข้าไปเป็นส.ส. ในสภาฯ ได้เห็นทั้งหมดว่าส.ส. แต่ละคนทำอะไรกันบ้าง บางคนพูดตรงพูดสนุก แต่ไม่ได้ทำอะไรให้กับพี่น้องประชาชน

            "ผมเองทำหน้าที่ ส.ส.มา 3 ปี ได้เดินทางเข้ามาในพื้นที่ 8จังหวัดภาคเหนืออย่างต่อเนื่อง สิ่งที่ดำเนินการมาทั้งหมดเป็นสิ่งที่ไม่น่าเกิดขึ้นกับคนเมืองเหนือ เช่น เรื่องลำไย ในภาคเหนือถือเป็นพืชเศรษฐกิจของคนเมืองเหนือ ในแต่ละภาคมี พ.ร.บ.ยางพารา , พ.ร.บ.ปาล์ม, พ.ร.บ.มันสำปะหลัง , พ.ร.บ.อ้อย แต่กลับไม่มี พ.ร.บ.ลำไย ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจของทางภาคเหนือ เมื่อเกิดปัญหาชาวสวนลำไยจะไม่ได้รับการดูแล เนื่องจากไม่มีกฎหมายคุ้มครอง ไม่มี พ.ร.บ.ลำไย มาคอยดูแลเกษตรกร" ร้อยเอกธรรมนัส  กล่าว

             เมื่อปี 2563 ได้เดินหน้าเรียกร้องให้ได้เงินเยียวยาเกษตรกรลำไยจำนวน 2,025 ไร่ หลังจากโดนปลดจากรัฐมนตรี ได้ประสานเครือข่ายต้องเดินหน้าเพื่อให้ พ.ร.บ.ลำไย เกิดขึ้นเป็นรูปธรรมให้ได้ แต่สิ่งสำคัญในช่วงที่เป็นรัฐมนตรีได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการ และคณะอนุกรรมการ ในการขับเคลื่อน พ.ร.บ.ลำไย โดยให้ นายนเรศ ธำรงทิพยคุณ เป็นประธานคณะกรรมการ ขณะนี้ พ.ร.บ.ลำไยเริ่มที่จะเป็นความจริง เมื่อสื่อนำเรื่อง พ.ร.บ.ลำไย ไปนำเสนอ มี ส.ส.พรรคหนึ่ง นำไปเป็นผลงานของตัวเอง ทั้งที่ไม่เคยเข้ามาช่วยผลักดันให้เกิด พ.ร.บ.ฉบับนี้เลย แต่เอาเรื่องนี้ไปเป็นประโยชน์ทางการเมือง ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง อย่าทำแบบนี้ เพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง

              ครั้งหนึ่งเคยไปปราศรัยทางภาคใต้ พี่น้องจะยังสนับสนุนหรือเลือกที่จะกาให้กับพรรค พรรคหนึ่งที่เอาเสาไฟลงหรือ ตอนนี้ภาคใต้เริ่มที่จะเห็นความเปลี่ยนแปลง ณ เวลานี้ พรรคเศรษฐกิจไทยเกิดขึ้นมาใน 8 จังหวัดทางภาคเหนือ ต้องการสร้างให้เป็นพรรคของคนภาคเหนือแท้ๆ พยายามต่อสู้ในชาวบ้านในทุกเรื่อง ทั้งเรื่องที่ทำกิน เรื่องน้ำ เรื่องราคาพืชผลทางการเกษตร คนภาคเหนือส่วนใหญ่ทำการเกษตร

               โดยเฉพาะเรื่องข้าวที่ราคาต่ำมาก แม้จะเป็นพืชหลักของคนไทย แต่เป็นพืชผลทางการเกษตรที่ต่ำที่สุด ปีหนึ่งไทยสามารถผลิตข้าวได้ 20 ล้านตัน คนไทยบริโภคข้าว 9.6 ล้านตัน ส่งออก 5 ล้านตัน ที่เหลือค้างสต็อกอยู่ในประเทศ 5.5 ล้านตัน การส่งออกได้รับการต่อต้านจากประเทศ เนื่องจากเกิดจากการบริหารราชการแผ่นดินที่ผิดพลาด เอาประเทศไปเป็นเครื่องมือให้มหาอำนาจที่ต่อสู้กันอยู่ แทนที่จะอยู่เฉยๆ ไม่ต้องเอาประเทศไปเป็นเครื่องมือง ประเทศไทยตกหลุมทางด้านนโยบายต่างประเทศ โดยเอนเอียงไปทางกลุ่มประเทศมหาอำนาจทางยุโรป ทำให้มหาอำนาจอย่างจีน และ รัสเซียไม่พอใจ สินค้าไทยเข้าไปในประเทศเหล่านี้ไม่ได้ ถูกตรวจสอบมาตรฐานสินค้าอย่างเข้มงวด อ้างมาตรการโควิด -19 ทำให้เกิดปัญหาการส่งออกลำไยซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจหลักของทางภาคเหนือ

                “การบริหารประเทศถ้านำเอาการทหารนำการเมือง เจ๊งหมดทั้งประเทศไม่ว่าประเทศไหน ต้องใช้การเมืองนำการทหาร เพราะการเมืองเป็นเรื่องของชาวบ้าน ชาวบ้านเลือกผู้นำเข้าไปบริหาร ตั้งแต่ผู้นำท้องถิ่น จนถึงผู้นำรัฐ หากใช้ทหารนำการเมืองประเทศก็จบ เศรษฐกินย่ำแย่ เกิดปัญหาสังคมจำนวนมาก” ร้อยเอก ธรรมนัส กล่าว

              ทั้งนี้    พรรคเศรษฐกิจไทยทราบเป็นอย่างดีว่าปัญหาจะแก้ไขอย่างไร โดยจะนำปัญหาในแต่ละเขตแต่ละจังหวัดไปกำหนดเป็นนโยบายของคนฐานราก นโยบายของคน SME นโยบายทำทุนขนาดกลาง จนถึงธุรกิจขนาดใหญ่ว่าจะพัฒนาอย่างไร สุดท้ายอยากจะบอกว่า ลูกหลานที่เกิดมาแต่ละคนมีหนี้ไม่ต่ำกว่าคนละ 4 แสนบาท

                  ประเทศไทยเปรียบเหมือนบริษัท ถ้าผู้บริหารไม่สามารถหารายได้มาหล่อเลี้ยงบริษัทได้ บริษัทก็ล้ม การหารายได้คือการประกอบธุรกิจให้มีกำไร เช่นเดียวกันประเทศไทย ถ้าผู้บริหารมีรายได้เข้ามาเฉพาะการจัดเก็บภาษีทุกประเภท ปี 2564 เก็บรายได้จากภาษีเพียง 2.4 ล้านล้านบาท แต่ในทางตรงข้ามใช้งบประมาณไป 3.18 ล้านบ้านบาท เท่ากับรัฐต้องกู้ประมาณ 7แสนกว่าล้านล้านบาท ณ เวลานี้ เพิ่งเก็บภาษีได้ 1.2 ล้านบ้านบาท ยังขาดอยู่อีก 3 ล้านล้านบาท ซึ่งต้องกู้โดยต้องผ่านสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งสภาฯต้องคิดให้ดี เพราะคือหนี้ที่เกิดกับลูกหลานของคนไทยทั้งประเทศ

                 นอกจากนี้  รัฐวิสาหกิจที่ทำกำไร ถูกย้ายเข้าไปอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ทั้งหมด เช่น ปตท. ส่วนรัฐวิสาหกิจที่ขาดทุน รัฐบาลอุ้มไว้ทั้งหมด บขส. การท่าเรือ ซึ่งไม่เข้าใจว่ารัฐบาลทำอะไร ขณะที่คนทางเหนือ ไม่มีรัฐมนตรีเข้าไปเป็นตัวแทนของชาวเหนืแม้แต่คนเดียว ความเหลี่ยมล้ำทางการเมืองจึงเกิดขึ้น

                 "ตนจะสู้ต่อไปเพื่อชาวเหนือ อยากฝากว่า อย่าไปกาเสาไฟที่ไม่ทำอะไรให้บ้านเมือง แต่กาคนที่เป็นห่วงเป็นใยชาวบ้านชาวเมือง พรรคจะคัดสรรคนที่มีใจให้ชาวบ้านไม่ต้องคัดคนที่มีความฉลาดมากแต่ไม่ทำงาน อย่านำเข้าไปในสภาเพราะจะไม่เกิดประโยชน์ มีหน้าที่เมื่อสั่งยกมือก็ยกทั้งพรรคอย่าไปทำ เหมือนพรรคพลังประชารัฐที่ผมออกมา มันจะไม่เกิดประโยชน์” ร้อยเอกธรรมนัส กล่าว

          การเมืองในครั้งต่อไปจะต้องเน้นในเรื่องของปากท้องของประชาชน เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศไทยในขณะนี้เข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างน่าใจหาย สภาพหนี้สินครัวเรือนมีสูงขึ้น จำเป็นที่จะต้องมีการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย จึงมีแนวคิดว่าศูนย์ประสานงานของพรรคเศรษฐกิจไทย ในทุกเขตทุกจังหวัด จะไม่ใช่ศูนย์ประสานงานทางด้านการเมืองเพียงอย่างเดียว แต่จะทำเป็นศูนย์ฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย ทั่วทุกเขตทุกจังหวัด วันนี้ได้เดินทางมาเปิดศูนย์ฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยที่จังหวัดเชียงใหม่เขต 8 ถึงเป็นศูนย์แรกของประเทศไทย หลังจากนั้นจะเดินทางไปเปิดให้ครบทุกจังหวัด ทุกเขต เพื่อรับข้อร้องเรียนเรียกร้องของประชาชน เอกสารทำได้ในทันทีก็จะรีบทำ

               ขณะนี้จะทำพรรคเศรษฐกิจไทยให้ดีที่สุดเน้นเรื่องปากท้องเรื่องความเป็นอยู่ของประชาชนโดยไม่ต้องรอให้เป็นรัฐบาลแต่สามารถทำได้ทันที โดยเฉพาะเศรษฐกิจฐานรากที่พรรคเศรษฐกิจไทยได้เข้าไปสัมผัสในพื้นที่โดยตรง ในการส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากได้ดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม ส่วนการเลือกขั้นการเมืองนั้น ยังไม่ได้มองว่า จะจับขั้วการเมืองกับใคร

                ส่วนเรื่องข่าวจากกรณีที่นางจุรีพร สินธุไพร ที่มีข่าวจะย้ายมาเข้าร่วมพรรคเศรษฐกิจไทย นั้น ยังไม่ทราบเรื่อง เท่าที่ทราบจะไปเล่นการเมืองท้องถิ่น แต่ไม่เกี่ยวข้องกับพรรคเศรษฐกิจไทยอย่างแน่นอน

ข่าว/ภาพ : นิศานาถ กังวาลวงศ์ , เกรียงไกร  รัตนา ศูนย์ข่าวเนชั่นภาคเหนือ