วันนี้ (1 เม.ย.) ที่สำนักงาน Sittra Law Firm ทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ให้สัมภาษณ์ประเด็นในคดีการเสียชีวิตของดาราสาว "แตงโม นิดา" โดยกล่าวถึงกระแสข่าว ตำรวจเตรียมที่จะมีการออกหมายจับคนบนเรือเพิ่ม และออกหมายกับกุนซือคนสำคัญ โดยทนายตั้ม กล่าวว่า ประเด็นการออกหมายจับเพิ่มเติมไม่น่าใช่ เพราะการที่จะขอออกหมายจับได้นั้น ข้อหาต้องมีโทษจำคุก 3 ปีขึ้นไป หรือไม่ยอมมาตามหมายเรียกครั้งที่ 2 ของตำรวจ จึงจะมีการขอศาลหมายจับ
ทั้งนี้โทษจำคุกคดีให้การเท็จมีเพียง 6 เดือน ส่วนคนบงการก็มีโทษเท่ากัน จึงขอหมายจับไม่ได้อยู่แล้ว หากวานนี้ (31 มี.ค.) มีการขอหมายจับจริง ขอฟันธงเลยว่าต้องขอหมายจับในดคีประมาทเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย โทษจำคุกสูงสุด 10 ปี และข้อหาทำลายพยานหลักฐาน โทษจำคุก 5 ปี แต่ศาลยกคำร้องขึ้นมา เลยต้องปล่อยข่าวเรื่องมีคนบงการเพื่อไม่ให้เสียภาพลักษณ์
ทนายตั้ม กล่าวว่า เนื่องจากตำรวจอาจมีพยานหลักฐานไม่แน่นหนาพอ เชื่อว่าเป็นการปล่อยประเด็นนี้ให้สังคมไปสนใจเรื่องคนบงการแทน เนื่องจากตำรวจอาจจะสรุปสำนวนมาเป็นเรื่องความประมาทแล้วคงไม่ถูกใจคนที่ติดตามเรื่องนี้ เพื่อให้ทัวร์ไปลงกับทนายหรือผู้ที่อยู่บนเรือไปปรึกษาชุดแรก แต่ตามจริงตำรวจไม่ได้เรียกสอบปากคำก่อนแต่ต้น จนพวก 5 คนบนเรือ ได้ไปคุยกับคนอื่น ๆ มาก่อน
ทนายตั้ม กล่าวว่า ทั้งนี้หลังจากที่ผลชันสูตรรอบ 2 ถูกส่งให้กับทนายเดชา ตัวเองคิดว่าน่าจะมีการออกหมายจับเกี่ยวกับเรื่องประมาทจนทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และเรื่องของการทำลายพยานหลักฐาน ประกอบกับทนายรัชพล ได้มีการแจ้งความดำเนินคดีเกี่ยวกับการให้การเท็จแล้วด้วย ซึ่งเรื่องของประมาทผู้ที่ใกล้เคียงจะถูกดำเนินคดีในประเด็นนี้มากที่สุดก็คงจะเป็น “แซน” ส่วนคนที่ทำลายพยานหลักฐาน น่าจะเป็นจ๊อบ ที่ถูกดำเนินคดีเพิ่ม
ส่วนประเด็นการยื่นพยานหลักฐานเพิ่มเติมที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ได้ไปที่กองบังคับการปราบปรามเมื่อเช้านี้ คิดว่า เป็นเรื่องเก่าไม่มีอะไรเพิ่มเติมที่ทางสื่อมวลชนได้นำเสนอไปกว่า 1 เดือนแล้ว นายอัจฉริยะคงนำประเด็นเก่ามาทำให้ดูเหมือนใหม่ แต่ไม่มีอะไรเพิ่มเติม เพราะคลิปนี้ หรือ คลิปอื่นๆ ทางสื่อมวลชนหรือ social media และตำรวจก็เอาไปปรับแสง และเพิ่มความคมชัดหมดแล้ว ซึ่งการที่นายอัจฉริยะนำเรื่องเก่าออกมาเปิดคิดว่าคงอยากมีส่วนร่วมทางคดี และการไปยื่นที่กองบังคับการปราบปราม ก็ไม่ได้เป็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับทางคดี
“การที่ตนออกมาพูดในครั้งนี้ไม่ได้กลัวว่าคุณแม่ของแตงโมจะออกมาต่อว่าหรือติอะไร เพราะคุณแม่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับตน ประกอบกับมีการปรับความเข้าใจกันแล้ว หลังจากนั้นก็ไม่ได้มีการพูดคุยอะไรเพิ่มเติม แต่การที่ตนออกมาพูดออกมาพูดในฐานะนักกฎหมาย และแชร์ประสบการณ์การทำงาน ส่วนจะถูกใจคุณแม่ของแตงโมหรือไม่ ตนไม่ได้สนใจ”