30 มีนาคม 2565 จากกรณี นายลำซำ แซ่หล่ำ อายุ 45 ปี นักท่องเที่ยวลูกครึ่งไทย-ฮ่องกง และนางสาวปวีณา พวงผกา อายุ 32 ปี เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ ร.ต.อ.สุธีรพันธ์ ทาปศรี รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.เมืองอุบลราชธานี หลังถูกแท็กซี่ป้ายดำจากสนามบินนานาชาติจังหวัดอุบลราชธานี ปล่อยทิ้งในปั๊มน้ำมันระหว่างทางไป อำเภอเขมราฐ เชิดกระเป๋าเสื้อผ้าสัมภาระ 3 ใบหายเข้ากลีบเมฆสูญทรัพย์สินกว่า 1 แสนบาท ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด นายวัฒน์ รองทอง อายุ 62 ปี คนขับรถแท็กซี่ป้ายดำ โตโยต้า สีบอร์นเทา หมายเลขทะเบียน ขข 4381 อุบลราชธานี ได้เข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจไม่มีเจตนาที่จะทิ้งผู้โดยสารและเอาทรัพย์สินหลบหนีไป
นายวัฒน์ เปิดเผยว่า เมื่อช่วงค่ำวาน (29 มี.ค)ตนเองได้รับผู้โดยสารทั้ง 2 คนจากสนามบินเพื่อไปส่งที่อำเภอเขมราฐ โดยระหว่างทางผู้โดยสารได้ขอซื้อของใช้ส่วนตัวในร้านสะดวกซื้อ ตนจึงได้พาแวะเข้าปั๊มน้ำมันระหว่างทางจากนั้นผู้โดยสารได้เข้าไปซื้อของและอาหารมาไว้ในรถก่อนจะเดินไปเข้าห้องน้ำภายในปั๊ม ตนเองในขณะนั้นก็รู้สึกปวดท้องถ่ายหนัก จึงได้เลื่อนรถออกจากช่องจอดบริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อไปจอดอยู่หน้าห้องน้ำของปั๊มน้ำมันและเข้าไปถ่ายหนักอยู่ห้องน้ำคนพิการประมาณ 10 นาที หลังจากนั้นก็กลับไปรอผู้โดยสารที่หน้าร้านสะดวกซื้อเหมือนเดิม แต่ก็ไม่พบผู้โดยสารแล้วตนได้ออกตามหา สอบถามรถแท็กซี่ที่จอดบริเวณหน้าปั๊มก็ไม่มีผู้ใดพบเห็น
จึงได้ขับรถออกตามหาตามเส้นทางที่จะไปอำเภอเขมราฐจนถึงกลางทางจึงตัดสินใจกลับรถมารอผู้โดยสารที่ปั๊มน้ำมันจนถึงเช้าประมาณ 6:00 น วันนี้ ทางเคาน์เตอร์สนามบินได้ติดต่อมาว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังตามหาเพราะผู้โดยสารเข้าไปแจ้งความว่าตนได้ทิ้งผู้โดยสารและนำเอาทรัพย์สินไป วันนี้ตนจึงได้เข้ามาแสดงตัวยืนยันความบริสุทธิ์ต่อพนักงานสอบสวนและพร้อมชี้แจงคือทรัพย์สินของผู้โดยสารให้ทั้งหมด ตนเองยอมรับว่าสะเพร่าที่ไม่ได้ให้เบอร์โทรศัพท์กับผู้โดยสารเอาไว้ ทำให้ไม่สามารถติดต่อกันได้จนเกิดประเด็นดังกล่าวเกิดขึ้นมา ตนรู้สึกเสียใจแต่อยากอธิบายเหตุผลที่เรื่องรถออกจากจุดจอดหน้าร้านสะดวกซื้อว่า ตนเองเคยเป็นทหารเก่าที่เนิน 500 อำเภอน้ำยืนแล้วเหยียบกับระเบิดจนขา ขาดปัจจุบันต้องใส่ขาเทียมทำให้ไม่สะดวกที่จะเดินไปเข้าห้องน้ำด้วยความคิดสะเพร่าจึงได้ขับรถไปเข้าห้องน้ำดูที่ไม่ได้แจ้งผู้โดยสารไว้ก่อนจนทำให้เกิดเรื่องขึ้น
ขณะที่นางกนกเนตร เนตรน้อย ขนส่งจังหวัดอุบลราชธานี ทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นจึงได้เดินทางเข้าไปตรวจสอบเคาน์เตอร์ที่ให้บริการเช่ารถของนายวัฒน์ พบว่ามีการจดทะเบียนถูกต้องแต่มีการนำรถ มาให้บริการผิดประเภทเนื่องจากรถที่จะใช้รับส่งจากสนามบินไปยังโรงแรมหรือสถานที่ต่างๆ ต้องเป็นรถบริการธุรกิจป้ายเขียวปัจจุบันนำรถป้ายดำมาใช้ในการทำธุรกิจจึงมีความผิดตามมาตรา 21 พรบ ขนส่ง มีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท ซึ่งต่อจากนี้ทางสำนักงานขนส่งจังหวัดอุบลราชธานีจะได้ทำหนังสือเรียกบริษัทเข้ามาชี้แจงและเปรียบเทียบปรับตามอำนาจหน้าที่
นางกนกเนตร ยังกล่าวอีกว่า สำหรับผู้ประกอบการรถเช่าที่จะนำรถมาให้บริการรับส่งจากสนามบินไปยังจุดต่างๆต้องนำไปจดทะเบียนให้ถูกต้องตามประเภทป้ายเขียวป้ายเหลืองหรือให้เช่าแบบไม่มีคนขับต้องระบุให้ชัดเจนหากมีข้อสงสัยสามารถติดต่อสอบถามที่สำนักงานขนส่งจังหวัดอุบลราชธานีได้ตลอดเวลาวันทำการ
โดย - เกียรติรัตน์ ชัยสกุลวงค์