svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

คุมสาวใช้ร้านทอง สุดแสบ "วางยา-ชิงทอง" ทำแผน

28 มีนาคม 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

คุมสาวใช้สุดแสบ วางยา-ชิงทรัพย์ ทำแผนร้านทอง ย่านแสมดำ กวาดทอง 5 บาทเงินสด 5 หมื่นบาท ตร.แกะรอยวงจรปิด จับได้คาร้านทอง ย่านบางกอกน้อย อ้างจำเป็นต้องใช้เงิน เพราะตั้งท้องระหว่างเรียน จึงวางแผนแยบยล อำพรางตัว เจ้าของร้าน เผยโชคดี พบพิรุธ จึงช่วยชีวิตแม่-ลูกได้ทัน

พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล แถลงผลการจับกุมตัวนางศิรดา หรือฝน (สงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี ผู้ต้องหา ลูกจ้างสาวแสบวางยา ชิงทรัพย์เจ้าของร้านทอง

 

สำหรับคดีนี้ ตำรวจได้รับแจ้งจากผู้เสียหายว่า เมื่อวันที่ 23 มีนาคม เวลาประมาณ 19.00 น.ที่ผ่านมา โดยแม่และน้องชาย ซึ่งอยู่ที่ร้านทองแกรนด์เยาวราช ตลาดดี แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ เกิดอาการเจ็บป่วยกะทันหัน จึงรีบนำส่งรักษาตัวโรงพยาบาล หลังสงสัยว่า ถูกวางยา ซึ่งการตรวจสอบทรัพย์สินพบว่า ทองรูปพรรณและเงินสดได้สูญหายไป 

 

เมื่อตรวจสอบภาพวงจรปิด ทำให้พบว่า  ลูกจ้างชื่อฟาง เป็นผู้ก่อเหตุ ลักเอาทรัพย์สินไป ประกอบด้วย สร้อยคอทองคำ 4 บาท , กำไลทองคำ 1 บาทและเงินสด 50,000 บาท  จึงรวบรวมพยานหลักฐาน นำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อขออนุมัติตามหมายจับ ศาลอาญาธนบุรี ต่อมา วันที่ 26 มีนาคม เวลาประมาณ 13.30 น. ได้สืบสวนติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้ที่ บริษัทห้างทอง แขวงบางขุนศรี เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: รวบลูกจ้างแสบ วางยาสลบ นายจ้าง ฉกทองคำ 5 บาท อ้างท้อง ถูกสามีทิ้ง จึงก่อเหตุ

 

ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ได้นำทรัพย์สินที่ได้จากการก่อเหตุมาขาย และมีทรัพย์สินที่ได้จากการก่อเหตุ และเงินสดที่ได้จากการขายทองรูปพรรณไปบางส่วน เก็บไว้ที่ห้องพัก

 

จากนั้น ตำรวจจึงขยายผล ทำให้ทราบว่า คนร้ายมีการวางแผนการก่อเหตุมาอย่างดี เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบจากตำรวจ โดยมีการซื้อซิมโทรศัพท์จาก แอพลิเคชั่น สั่งซื้อสินค้าออนไลน์ มาเปิดใช้งาน วันที่ 2 มีนาคม ต่อมา วันที่ 8 มีนาคม ได้ติดต่อร้านทองเยาวราช บางขุนเทียน เพื่อสมัครงานเป็นลูกจ้าง ซึ่งร้านแห่งนี้ เป็นเจ้าของเดียวกับ ร้านทองแกรนด์เยาวราชตลาดดีที่เกิดเหตุ 

คุมสาวใช้ร้านทอง สุดแสบ "วางยา-ชิงทอง" ทำแผน คุมสาวใช้ร้านทอง สุดแสบ "วางยา-ชิงทอง" ทำแผน

จากนั้น วันที่ 10 มีนาคม  ผู้ต้องหา เปิดเฟซบุ๊ค ใช้ชื่อปลอม ว่า “Alisa Alisa”เพื่อติดต่อสั่งซื้อ "ยาสลบ" และติดต่อจ้างบุคคลใกล้ตัวมาเป็นผู้ค้ำประกันการทำงานให้ ในราคา 4,000 บาท ต่อมา วันที่ 11 มีนาคม ได้เดินทางมาที่ร้านทองเยาวราชบางขุนเทียน พร้อมผู้ค้ำประกันที่จ้างมา ยื่นเอกสารสมัครงาน เซ็นสัญญาค้ำประกันการจ้างงาน โดยใช้ชื่อในการสมัครว่า "น.ส.อลิสา มาลีเมาะ"  โดยใช้สำเนาบัตรประชาชนของ น.ส.อลิสา มาลีเมาะ เป็นหลักฐานในการสมัคร และในหนังสือค้ำประกันทำขึ้นจำนวน 2 ฉบับ ผู้ต้องหาเขียนชื่อนามสกุลให้ไม่เหมือนกัน โดยเปลี่ยนนามสกุลจาก “มาลีเมาะ” เป็น “มานะโชค” ซึ่งเอกสารที่ทางร้านทองเยาวราชได้รับ เป็นชื่อของ “น.ส.อลิสา มานะโชค” ซึ่งเป็นชื่อปลอมและไม่มีตัวตน

 

วันที่ 12 มีนาคม เจ้าตัวสั่งซื้อยาสลบสัตว์ ยี่ห้อ Zoletil 100 จากร้านปศุสัตว์ ในต.รั้วใหญ่ อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี โดยติดต่อสั่งซื้อทาง เฟซบุ๊ค ให้ส่งยาสลบสัตว์มาที่บ้านป้าของผู้ต้องหา ในต.ในคลองบางปลากด อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบจากตำรวจ

คุมสาวใช้ร้านทอง สุดแสบ "วางยา-ชิงทอง" ทำแผน

จากนั้น วันที่ 13-22 มีนาคม ซึ่งเป็นวันเริ่มทำงาน ที่ร้านทองเยาวราชบางขุนเทียน ในระหว่างทำงานก็ได้แอบลักเอาข้อมูลใบประวัติการสมัครงานของตัวเองออกไป และหยิบเอาข้อมูลประวัติพนักงานคนอื่นในร้านมาแทน ในช่องเก็บข้อมูลประวัติการทำงานของตัวเอง เพื่อให้เจ้าของร้านติดตามตัวได้ยากขึ้น 

 

วันที่ 23 มีนาคม ที่ผ่านมา ผู้ต้องหาได้ถูกย้ายมาทำงานที่ร้านทองแกรนด์เยาวราช ที่เกิดเหตุ และก่อเหตุใช้ยาสลบที่เตรียมไว้ ใส่น้ำดื่มให้ แม่และน้องชายของเจ้าของร้าน ดื่มจนหมดสติ และชิงเงินสดและทองรูปพรรณหลบหนีไป จนกระทั่งถูกจับกุมตัวได้ ขณะนำสร้อยคอทองคำ จำนวน 2 บาท ไปขายที่ร้านทองที่ถูกจับกุม 

โดยเจ้าตัวใช้แสดงชื่อในการขายคือ “น.ส.อลิสา มาลีเมาะ”ทำทีบอกร้านทองว่า บัตรประชาชนหาย แต่ผู้ต้องหาได้ถ่ายภาพไว้ และแสดงให้ร้านทองดูทางโทรศัพท์มือถือ ทางร้านทองจึงหลงเชื่อ แต่มาถูกจับกุมเสียก่อน

คุมสาวใช้ร้านทอง สุดแสบ "วางยา-ชิงทอง" ทำแผน

นอกจากนี้ ผู้ต้องหายังให้การ รับสารภาพอีกว่า เมื่อวันที่ 25 มีนาคม เวลาประมาณ 19.20 น. ได้นำสร้อยคอทองคำ และกำไลทองคำที่ลักมาได้รวม 3 บาทไปขายที่ร้านทองอีกร้าน บริเวณปากซอยจรัญสนิทวงศ์ 37 แขวงบางขุนศรี เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ ได้เงินมา 86,000 บาท โดยใช้ชื่อ “น.ส.ลักษิกา จำจำปา” และปลอมตัวแต่งกายเป็นหญิงมุสลิม สวมผ้าคลุมศีรษะคล้ายฮิญาบปิดบังใบหน้าเพื่อนำทองคำไปขาย 

 

จากนั้นหลบหนีไปพักอาศัยที่ ห้องเช่าหลังวัดเพลง ในซอยจรัญสนิทวงศ์ 37 โดยจากการตรวจสอบภายในโทรศัพท์มือถือของผู้ต้องหายังพบภาพถ่ายบัตรประชาชนของบุคคลอื่นจำนวนมาก สอบถามแล้วยอมรับว่าเอามาจากอินเตอร์เน็ตเพื่อไว้ใช้ในการหลอกสมัครงานและทำธุรกรรมต่างๆ 

คุมสาวใช้ร้านทอง สุดแสบ "วางยา-ชิงทอง" ทำแผน

ส่วนสาเหตุที่ทำเนื่องจากระหว่างเรียนเกิดตั้งครรภ์มาแล้ว 7 เดือน เลยต้องหยุดเรียน ตัดสินใจก่อเหตุดังกล่าว เพื่อเลี้ยงลูก จากการตรวจสอบเชื่อว่าน่าจะก่อเหตุมาแล้วหลายครั้ง 

 

ทั้งนี้ ฝากเตือนไปยังผู้ประกอบการร้านค้าต่างๆ หากจะรับสมัครลูกจ้างเข้าทำงาน ให้ตรวจดูประวัติและบัตรประชาชนให้ถูกต้องตรงกับความเป็นจริงเพื่อมิให้ถูกกลุ่มมิจฉาชีพใช้เป็นช่องทางในการก่อเหตุและสร้างความเดือดร้อนต่อประชาชน หากมีผู้เสียหายอื่นที่ผู้ต้องหานี้เคยไปก่อเหตุแล้วหลบหนีไป สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่ สน.แสมดำ

 

เบื้องต้นแจ้งข้อหา “ชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กาย ที่เป็นของนายจ้างในเวลากลางคืน” 

 

ต่อมา เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา พล.ต.ต.พงศ์อานันต์ คล้ายคลึง ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 9 นำกำลัง คุมตัวนางศิรดา หรือฝน ผู้ต้องหา มาทำแผนชี้จุดเกิดเหตุ ที่ร้านทองแกรนด์เยาวราชตลาดดี แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ เพื่อนำมาประกอบคำรับสารภาพ

 

ด้านเจ้าของร้านทอง เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุ ผู้ต้องหาได้ผสมยากับน้ำดื่ม ซึ่งเป็นน้ำใบเตย โดยก่อนหน้านี้ ผู้ต้องหาได้เดินมาถาม ว่าตนเองดื่มน้ำใบเตยใช่หรือไม่ ก็ตอบไปว่าใช่ กระทั่งช่วงบ่ายผู้ก่อเหตุเดินไปใส่ยาในน้ำ และคิดว่าที่ผู้ต้องหาทำไปไม่ได้จะเอาทรัพย์สินเพียงเท่านี้ 

คุมสาวใช้ร้านทอง สุดแสบ "วางยา-ชิงทอง" ทำแผน

ส่วนลูกชายก็โดนเช่นกัน โดยใส่ยาสลบในน้ำอัดลม ในช่วงแรกที่ใส่ลูกชายไม่ได้ดื่ม จึงเดินไปซื้อขวดใหม่มา ในส่วนที่ตัวเองนั้นสลบไปทางลูกชายคิดว่าตัวเองนอนหลับ จึงปิดไฟเพื่อให้นอนพักผ่อน จังหวะนั้นลูกสาวได้กลับมาที่ร้าน ถือว่าโชคดีที่ทางแฟนตัวเองที่อยู่อีกร้านเห็นความผิดปกติจึงมาดู และช่วยเหลือไว้ทัน

 

หลังเสร็จสิ้นการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนพร้อมนำสำนวนเตรียมส่งฝากขังศาลอาญาธนบุรีเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

คุมสาวใช้ร้านทอง สุดแสบ "วางยา-ชิงทอง" ทำแผน

logoline