
หลังจากคณะรัฐมนตรี เห็นชอบมาตรการช่วยเหลือประชาชนจากสถานการณ์ขัดแย้งยูเครน-รัสเซียที่ทำให้ราคาพลังงานพุ่งสูงขึ้น เป็นมาตรการระยะสั้น 3 เดือน ที่จะประคับประคองประชาชน โดยเริ่มตั้งแต่เดือนพ.ค-ก.ค. เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยจะต้องรักษาเสถียรภาพทางการเงินไว้
ซึ่งส่วนหนึ่งของมาตรการที่ออกมาเป็นมาตรการลดค่าครองชีพด้านพลังงานเพื่อบรรเทาผลกระทบของประชาชน ได้แก่ ช่วยเหลือผู้ที่ใช้ก๊าซหุงต้มที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 3.6 ล้านคน โดยเพิ่มวงเงินส่วนลดซื้อก๊าชหุงต้มอีก 55 บาท รวมเป็น 100 บาท ต่อ 3 เดือน
ช่วยเหลือผู้ค้าหาบเร่แผงลอยที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 5,500 คน สำหรับเป็นส่วนลดในการซื้อก๊าซหุงต้มเดือนละ 100 บาทเป็นระยะเวลา 3 เดือน
ช่วยเหลือผู้ใช้รถแท็กซี่ที่อยู่ในโครงการลมหายใจเดียวกันจำนวน 1.7 หมื่นคน ให้ซื้อก๊าซในราคา 13.62 บาทต่อกิโลกรัม ในวงเงินไม่เกิน 10,000 บาทต่อเดือน เป็นเวลา 3 เดือน
ทีมข่าวลงพื้นที่สำรวจความคิดเห็นแม่ค้าหาบเร่แผงลอยบอกว่า มาตรการที่ออกมาช่วยบรรเทาความเดือดร้อนได้ไม่มาก เนื่องจากปัจจุบันราคาข้าวของทุกอย่างแพงขึ้น การช่วยเหลือเพียงราคาพลังงานไม่เพียงพอ อยากให้ตรึงราคาสินค้าทุกอย่างไม่ให้ขึ้นอีก หรือให้วงเงินเราชนะเพื่อให้ประชาชนมีกำลังซื้อ ส่วนความช่วยเหลือที่ออกมาขณะนี้เน้นไปที่กลุ่มผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในขณะที่ทุกคนก็ได้รับความเดือดร้อนเช่นเดียวกัน ขณะที่คนขับแท็กซี่บอกว่ามาตรการที่ออกมายังไม่เพียงพอกับความต้องการ อยากให้ลดราคาก๊าซ NGV และ LPG ลงมากกว่านี้
ด้านนักวิชาการ ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ ม.รังสิต ระบุว่าระยะเวลามาตรการ 3 เดือนอาจสั้นเกินไป อย่างน้อยควรจะ 6 เดือน เพราะคาดการณ์ได้ว่าสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน จะยืดเยื้อ ซึ่งมาตรการเฉพาะหน้าระยะสั้นสามารถรับมือปัญหาได้เพียงชั่วคราว ฐานข้อมูลบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แม้จะทำให้การใช้งบประมาณตรงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น แต่ก็เชื่อว่ายังมีคนยากจนจำนวนหนึ่งที่ยังตกหล่นจากระบบอยู่ ซึ่งต้องปรับปรุงระบบฐานข้อมูลให้ดีขึ้นเพื่อให้ช่วยเหลือได้อย่างทั่วถึง