กสิกรไทย ส่งมาตรการด่วนช่วยลูกค้าเจ้าของฟาร์มหมูและผู้ค้าทั้งระบบที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโรคระบาด ASF ในขณะนี้ เพื่อเร่งบรรเทาความเดือดร้อนและช่วยเหลือลูกค้าอย่างเร่งด่วนด้วย 2 มาตรการ คือ มาตรการ “พักชำระเงินต้น จ่ายแต่ดอกเบี้ย” และ "มาตรการสินเชื่อฟื้นฟู"
นายกฤษณ์ จิตต์แจ้ง กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า จากปัญหาการระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกัน หรือ ASF ที่ระบาดอยู่ในขณะนี้ ทำให้เจ้าของฟาร์มและผู้ค้าหมูทั้งระบบได้รับความเดือดร้อน และยังส่งผลให้เนื้อหมูขาดแคลนจนมีการปรับราคาขายปลีกสูงที่สุดในรอบ 10 ปี ธนาคารได้เร่งติดตามสอบถามผลกระทบที่ลูกค้าได้รับ
โดยเฉพาะลูกค้าที่อยู่ในจังหวัดที่มีการทำฟาร์มหมูจำนวนมาก เช่น นครปฐม ราชบุรี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี สิงห์บุรี อยุธยา และอ่างทอง เป็นต้น เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้ลูกค้า"
มาตรการช่วยเหลือเร่งด่วนเพื่อช่วยลูกค้าของธนาคารทั้งเจ้าของธุรกิจฟาร์มหมู เขียงหมู และโรงเชือด มีดังนี้
มาตรการพักชำระเงินต้น จ่ายแต่ดอกเบี้ย เพื่อลดภาระและเพิ่มสภาพคล่องให้ลูกค้าของธนาคารอย่างเร่งด่วน ด้วยการพักชำระเงินต้นจ่ายแต่ดอกเบี้ย นานสูงสุด 6 เดือน
มาตรการสินเชื่อฟื้นฟู เพื่อเสริมสภาพคล่องให้ธุรกิจและใช้ลงทุนหรือปรับปรุงสถานประกอบการให้กลับมาทำธุรกิจได้อีกครั้ง วงเงินช่วยเหลือกว่า 2,000 ล้านบาท
นายกฤษณ์ กล่าวว่า "ธนาคารกสิกรไทยมุ่งหวังที่จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนที่ลูกค้าได้รับ และพร้อมที่จะเดินเคียงข้างสู้กับทุกวิกฤตที่เกิดขึ้น เพื่อให้ลูกค้าของธนาคารสามารถประคับประคองธุรกิจต่อไปได้ สำหรับวิกฤตหมูแพงในครั้งนี้ ธนาคารได้เตรียมวงเงินกว่า 2,000 ล้านบาท เพื่อช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับลูกค้า"