
กรณีสำนักข่าวอิสรารายงานข่าวโดยอ้างอิงข่าวจาก VIJESTI ซึ่งเป็นสื่อประเทศมอนเตเนโกร เสนอข่าวเกี่ยวกับเรื่องอื้อฉาวของนายทักษิณ ชินวัตร หรือ “โทนี่ วู้ดซัม” อดีตนายกรัฐมนตรี ที่หนีคดีไปอยู่ต่างประเทศ ระบุว่า สิ่งปลูกสร้าง “บริษัทโกลบอล ทีเอส มอนเตเนโกร” บน “เกาะสเวตินิโกลา” หรือ “เกาะเซนต์นิโคลัส” ของนายทักษิณ กำลังถูกต่อต้านการพัฒนาพื้นที่
สืบเนื่องจาก เทศบาลเมืองบุดวา ได้ส่งหนังสือถึงทางการขอให้ทำการปกป้องเกาะ และสั่งยุติแผนก่อสร้างโรงแรม 500 ห้อง พร้อมท่าเทียบเรือส่วนตัวอีก 50 แห่ง เนื่องจากเห็นว่าโครงการดังกล่าวมิชอบด้วยกฎหมาย อาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยรอบอย่างมหาศาล อีกทั้งพื้นที่บางส่วนยังสร้างขึ้นบนแปลงที่ไม่ใช่ที่ดินของตัวเอง รุกล้ำไปในพื้นที่ของคนอื่นโดยไม่มีใบอนุญาต
อย่างไรก็ตาม หากจะทำความเข้าใจเรื่องดังกล่าวให้กระจ่าง ต้องย้อนกลับไปในปี พ.ศ. 2552 เกาะสเวตินิโกลา หรือเกาะเซนต์นิโคลัส เริ่มคุ้นหูคนไทย เนื่องจากเป็นประเด็นการเมืองที่เกี่ยวพันกับนายทักษิณ ณ เวลานั้น มีรายงานข่าวว่านายทักษิณ ได้รับสัญชาติจากมอนเตเนโกร และมีแผนที่จะซื้อเกาะแห่งนี้เพื่อทำเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลก
จากนั้น นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายนายทักษิณ ออกมายอมรับว่า นายทักษิณสนใจที่จะซื้ออสังหาริมทรัพย์ในเกาะดังกล่าวจริง ในราคา 28 ล้านยูโร หรือประมาณ 1,288 ล้านบาท ขั้นตอนอยู่ระหว่างพูดคุยเจรจากับนักธุรกิจ แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป โดยวัตถุประสงค์ในการซื้อต้องการจะลงทุนเพื่อพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ติดอันดับต้นๆของโลก เพราะก่อนหน้านี้ได้ประเมินข้อมูล ทั้งศักยภาพและทรัพยากรภายในเกาะมาแล้ว จากนั้นเรื่องนี้ได้เงียบหายไป กระทั่งเป็นข่าวอีกครั้งว่านายทักษิณเป็นเจ้าของเกาะดังกล่าวแล้ว
สำหรับอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างที่เป็นปัญหาบนเกาะแห่งนี้มาตลอด ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี 2545 โดยนายเนนาด ยอร์ดเยวิช นักธุรกิจจากกรุงเบลเกรด เขามีแผนจะเนรมิตรีสอร์ทหรู พร้อมกับแผนอนุรักษ์ควบคู่กันไปด้วย จากนั้นในปี 2550 พรรคประชาธิปัตย์แห่งสังคมมอนเตเนโกร หรือ DPS ออกมาคัดค้าน ทำให้นายยอร์ดเยวิช ตัดสินใจขายที่ดินต่อให้นายสแตนโก ซูโบติค เคน นักธุรกิจชาวเซอร์เบีย ด้วยราคา 20 ล้านยูโร คิดเป็นเงินไทย 737 ล้านบาท แต่ปรากฏว่าเงินที่นายซูโบติกใช้ซื้อ เป็นเงินกู้จากนายอาโค ดูคาโนวิช เจ้าของธนาคาร Prva banka และเป็นน้องชาย ไมโล ดูคาโนวิช หัวหน้าพรรค DPS คนปัจจุบัน
เดิมทีนายสแตนโก ซูโบติค เคน ตั้งใจจะพัฒนาทางเดินจากส่วนที่เมืองเก่าของเกาะ พร้อมสร้างโรงแรม วิลล่า และท่าจอดเรือ 2 แห่ง แต่ปรากฏว่า นายสแตนโก ซูโบติค เคน ไม่ชำระเงินกู้ให้ธนาคาร Prva banka จึงพยายามขายอสังหาริมทรัพย์ออกไปถึงสองครั้งแต่ล้มเหลว ส่งผลให้มีภาระผูกพันกับบริษัทของนายนายสแตนโก ซูโบติก เคน สุดท้ายขายให้นายทักษิณได้สำเร็จ ในนามบริษัทโกลบอล ทีเอส มอนเตเนโกร จากนั้นไม่นาน Prva banka ก็ได้ถอดสถานการณ์จำนองของเกาะแห่งนี้ออกไป
หลังจากนายทักษิณครอบครองเกาะนี้ได้ 1 ปี ด้วยความสนิทสนมกับฝ่ายผู้มีอำนาจ รัฐสภาของมอนเตเนโกร ได้ผลักดันให้มีแผนการพัฒนาความเป็นเมืองให้กับเกาะ ก่อสร้างโรมแรมขนาดใหญ่ 500 ห้อง ท่าเทียบเรืออีกกว่า 50 แห่ง โดยให้บริษัทของนายทักษิณเป็นผู้ดำเนินการ
จากนั้น เทศบาลบุดดาได้ส่งหนังสือแสดงออกปกป้องเกาะดังกล่าว โดยอ้างว่า เพื่อคุ้มครองทรัพยากรธรรมชาติ ปรับปรุงแผนการพิเศษสำหรับพื้นที่ชายฝั่งทะเล และให้ยุติแผนการก่อสร้างที่จะดำเนินต่อไปทั้งหมด เนื่องจากจะส่งผลกระทบต่อพืชและสัตว์ รูปลักษณ์ของเกาะ การเคลื่อนที่ของกระแสน้ำทะเลและการไหลของอากาศ อีกทั้งยังอันตรายต่อปริมาณทรายชายหาดสโลวีเนีย ที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของมอนเตเนโกร ต้องหายสาบสูญไปทั้งหมด
ล่าสุด (17 มี.ค. 65) ทีมข่าวเนชั่นออนไลน์ พยายามติดต่อไปที่นายนพพดล ปัทมะ อดีตทีมกฎหมายของนายทักษิณ บอกว่า ตนเองทราบข้อมูลเฉพาะก่อนหน้าตามที่พูดเท่านั้น แต่ข้อมูลล่าสุดตนไม่ทราบ อีกทั้งไม่ได้ติดต่อกับนายทักษิณมานานแล้ว
ขณะที่แหล่งข่าวผู้ใกล้ชิดในพรรคเพื่อไทยรายหนึ่ง ให้ข้อมูลกับเนชั่นออนไลน์ ว่า นายทักษิณ เป็นเจ้าของที่ดิน และอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวจริง โดยมีหุ้นส่วนเป็นเพื่อนชาวมอนเตเนโกร สาเหตุที่เป็นข่าวช่วงนี้ เนื่องจากหนังสือพิมพ์ฉบับที่รายงานข่าว เป็นสื่อที่มีส.ส.พรรคฝ่ายค้านรายหนึ่งเป็นเจ้าของ ต้องการสร้างประเด็นทางการเมือง และกำลังโจมตีทางการเมืองอดีตประธานธิบดีของมอนเตเนโกร จึงโยงมาถึงที่ดินแปลงดังกล่าว ซึ่งตั้งแต่นายทักษิณครอบครอง ยังไม่มีแผนที่จะทำอะไรอย่างที่เป็นข่าว และขณะนี้ก็ได้ประกาศขายแล้ว แต่ยังไม่มีคนสนใจซื้อ
สำหรับ เกาะสเวตินิโกลา หรือเกาะเซนต์นิโคลัส ถือเป็นเกาะอยู่ในทะเลเอเดรียติก อยู่นอกชายฝั่งเมืองบุดวา ประเทศมอนเตเนโกร ห่างจากแผ่นดินใหญ่ 1 กิโลเมตร มีความยาว 2 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ 47 เฮกตาร์ 90% ของเกาะ เป็นป่าประเภทที่ 4 ขณะที่รอบเกาะนั้นถูกล้อมไปด้วยชายหาดกว่า 840 เมตร อุดมไปด้วยพืชและสัตว์มากมาย ลักษณะเป็นแผ่นดินลาดเอียง ด้านหนึ่งเป็นหน้าผา มีความสูง 121 เมตร ลาดเอียงสู่ชายหาดอีกด้านหนึ่งของเกาะ
เกาะแห่งนี้มีชื่อในภาษาพื้นเมืองว่า Školj เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของเมืองบุดดา สวยงามจับใจ จนได้รับฉายาว่า ฮาวายแห่งมอนเตเนโกร น้ำทะเลที่นี่ใสสะอาดมาก ประกอบกับป่า ชายหาดที่สวยงาม อากาศบริสุทธิ์ และผู้คนอาศัยอยู่น้อย จึงเป็นสิ่งดึงดูดคนทั่วโลก ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้มาเยี่ยมเยือน หรืออยากมีบ้านอาศัยอยู่ที่นี่เป็นถิ่นฐานประจำ
ขอบคุณที่มา vijesti.me ,สำนักข่าวอิศรา