รัสเซียเดินหน้าเจรจา-เร่งขยายการโจมตี
รัสเซียและยูเครนจัดการเจรจารอบใหม่ในวันนี้ ขณะที่รัสเซียยังขยายการโจมตีหนักหน่วงยิ่งขึ้นในหลายเมือง รวมถึงกรุงเคียฟ และยืนยันไม่จำเป็นต้องมีการส่งทหารรักษาสันติภาพของยูเอ็นเข้าไปในยูเครน
คณะผู้แทนเจรจาระหว่างรัสเซียและยูเครนเข้าร่วมการเจรจาครั้งล่าสุดผ่านระบบวิดีโอในวันนี้ และมิไคโล โปโดเลียค หนึ่งในผู้แทนเจรจาของยูเครน ทวีตภาพการเจรจา และระบุว่าเป็นการเจรจาที่ยากลำบาก โดยเหตุผลของความขัดแย้ง คือ ระบบการเมืองที่แตกต่างกันมากเกินไป
ก่อนเริ่มการเจรจา เขาทวีตว่า การหารือรอบที่ 4 นี้จะเน้นเรื่องการบรรลุข้อตกลงหยุดยิง การถอนทหารทันที และการให้หลักประกันด้านความมั่นคงแก่ยูเครน และหลังจากตกลงกันได้ใน 3 เรื่องนี้ จึงจะมีการหารือต่อไปในประเด็นความสัมพันธ์ในภูมิภาคและความขัดแย้งทางการเมือง
ส่วนการเจรจา 3 รอบที่ผ่านมาก็มีเป้าหมายเดียวกัน แต่จบลงด้วยการเน้นเรื่องความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และการตกลงหยุดยิงในบางเมืองที่ถูกปิดล้อมเพื่ออพยพพลเรือนออกไป
ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน กล่าวเมื่อวานย้ำข้อเรียกร้องอยากให้มีการเจรจาระหว่างเขาและประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินเพื่อยุติสงครามครั้งนี้ พร้อมทั้งย้ำว่า จำเป็นต้องมีการเจรจาระหว่างสองประเทศเพื่อบรรลุข้อตกลงหยุดยิง และการเปิดเส้นทางปลอดภัยสำหรับการอพยพพลเรือน ซึ่งในช่วง 6 วันที่ผ่านมาอพยพประชาชนได้มากกว่า 130,000 คน แต่การเปิดเส้นทางอพยพในเมืองมาริอูโปลยังไม่สามารถทำได้
รัฐบาลยูเครน คาดหวังว่า จะสามารถเปิดเส้นทางอพยพ 10 เส้นทางในวันนี้ รวมถึงเมืองใกล้ ๆ กรุงเคียฟ และในเขตลูฮันสก์ของฝ่ายกบฏแบ่งแยกดินแดน
ขณะที่ทำเนียบประธานาธิบดียูเครน เปิดเผยวันนี้ว่า ยังคงมีการสู้ระหว่างกองกำลังของสองประเทศทั้งในแถบชานกรุงเคียฟ ทางทิศตะวันตก, ตะวันตกเฉียงเหนือ, ตะวันออกและตะวันออกเฉียงเหนือ การโจมตีทางอากาศทำลายอพาร์เมนต์ทั้งในกรุงเคียฟ, ใกล้เมืองมิโกเลฟ, เมืองคาร์คีฟ และทางการเมืองมาริอูโปล เปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ว่า มีชาวบ้านเสียชีวิต 2,187 รายจากการยิงถล่มของรัสเซียตลอดหลายวันที่ผ่านมา
ขณะที่ปีเตอร์ อิลลิเชฟ อธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศของกระทรวงต่างประเทศรัสเซีย เปิดเผยว่า ยังไม่มีความจำเป็นที่สหประชาชาติจะต้องส่งทหารรักษาสันติภาพเข้าไปในยูเครน และกระทรวงกลาโหมรัสเซีย เปิดเผยวันนี้ว่า กองกำลังรัสเซียสามารถเคลื่อนพลรุกคืบได้ 11 กม.ในช่วง 24 ชม.ที่ผ่านมา ทำให้เข้าถึงเมือง 5 เมืองทางตอนเหนือของเมืองมาริอูโปล
ส่วนกระทรวงกลาโหมอังกฤษ เผยเมื่อวันอาทิตย์โดยอ้างข้อมูลข่าวกรองว่า กองทัพเรือรัสเซียปิดกั้นพื้นที่แนวชายฝั่งทะเลดำทางตอนใต้ของยูเครน ทำให้ยูเครนถูกตัดขาดจากเส้นทางการค้าทางทะเลระหว่างประเทศ ซึ่งทะเลดำก็เป็นเส้นทางการค้าและการขนส่งสำคัญสำหรับรัสเซียเช่นกัน