รัสเซีย-ยูเครนเจรจารอบ 4 ขณะที่สงครามเข้าสู่สัปดาห์ที่ 3

เซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย และดมิโทร คูเลบา รัฐมนตรีต่างประเทศยูเครน ร่วมโต๊ะเจรจาที่เมืองอันทัลยา เมืองตากอากาศของตุรกีในวันนี้  โดยมีเลฟวุต คาวูโซกลู รัฐมนตรีต่างประเทศตุรกีเป็นคนกลางไกล่เกลี่ย การเจรจาระหว่างรัสเซียและยูเครนครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 แต่เป็นระดับรัฐมนตรีครั้งแรก นับตั้งแต่รัสเซียเริ่มใช้ปฏิบัติการพิเศษทางทหารต่อยูเครนเมื่อวันที่ 24 ก.พ

คูเลบา เปิดเผยภายหลังการเจรจาว่า สองฝ่ายเห็นพ้องเรื่องความพยายามแก้ไขปัญหาด้านมนุษยธรรมในพื้นที่สู้รบ และพร้อมเจรจากันในรูปแบบนี้อีก โดยบอกว่าเมื่อรัฐมนตรีคุยกัน จะมีอำนาจเจรจาประเด็นสันติภาพและความมั่นคง  แต่บอกว่า ข้อเสนอหยุดยิงนาน 24 ชม. ยังตกลงกันไม่ได้

ก่อนการเจรจาคูเลบายอมรับว่า ไม่ได้คาดหวังว่าจะบรรลุข้อตกลงหยุดยิง หรือ ผลลัพธ์อื่นใด และหนึ่งในผู้แทนเจรจาฝ่ายรัสเซีย บอกด้วยว่า รัฐบาลจะไม่ยอมต่อรองข้อเรียกร้องใด ๆ แม้แต่ข้อเดียว ส่วนการเจรจา 3 ครั้งก่อนหน้านี้ไม่มีความคืบหน้ามากนักนอกเหนือจากการผลการเจรจารอบ 2 ที่เห็นพ้องว่าควรมีการหยุดยิงชั่วคราวและเปิดเส้นทางปลอดภัยสำหรับการอพยพพลเรือนออกจากเมืองที่ถูกปิดล้อม

ขณะที่ประธาธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี เปิดเผยเมื่อวันพุธว่า มีพลเรือนอย่างน้อย 35,000 คนสามารถอพยพออกจากเมืองต่าง ๆ ที่ถูกทหารรัสเซียปิดล้อมและยิงถล่มอย่างหนัก และยูเครนจะเปิดเส้นทางอพยพอีก 7 จุดในวันนี้รวมถึงเมืองมาริอูโปล หลังแผนอพยพพลเรือนออกจากเมืองนี้ล้มเหลวมาตั้งแต่วันเสาร์ ขณะที่มีผู้ลี้ภัยชาวยูเครนข้ามพรมแดนไปยังเพื่อนบ้านแล้วเกิน 2 ล้านคน

ส่วนความเคลื่อนไหวของสถานการณ์สู้รบ ยูเครน กล่าวหาว่า รัสเซียก่อเหตุฆ่าล้างเผ่าพันธุ์จากการส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดโจมตีโรงพยาบาลแม่และเด็กในเมืองมาริอูโปลเมื่อวันพุธ โดยกระทรวงต่างประเทศโพสคลิปที่เผยให้เห็นร่องรอยความเสียหายของอาคารสูง 3 ชั้นและบริเวณโดยรอบ และเจ้าหน้าที่เปิดเผยล่าสุดว่า มีผู้เสียชีวิต 3 ราย รวมถึงเด็ก 1 คนที่โรงพยาบาลแห่งนี้ 

แต่ดมิทรี โปลแยงสกี รองผู้แทนถาวรรัสเซียประจำสหประชาชาติ ทวีตว่า ข่าวนี้เป็นข่าวปลอม และทางการรีสเซียเตือนตั้งแต่วันที่ 7 มี.ค.แล้วว่า โรงพยาบาลแห่งนี้ถูกใช้เป็นฐานที่มั่นของกองทัพยูเครนในการยิงโจมตี 

ขณะเดียวกันกระทรวงต่างประเทศรัสเซีย ประกาศว่า รัสเซียขอถอนตัวออกจากสภายุโรป ซึ่งเป็นองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนของยุโรป โดยให้เหตุผลว่า ชาติสมาชิกสหภาพยุโรป และนาโต ไม่เป็นมิตรกับรัสเซีย และใช้อำนาจเสียงข้างมากในสภายุโรปอย่างไม่ถูกต้อง 

และกระทรวงกลาโหมรัสเซีย แถลงวันนี้ว่า ปฏิบัติการของกองทัพทำลายเป้าหมายโครงสร้างพื้นฐานทางทหารของยูเครน 2,911 รายการ ซึ่งรวมถึง เครื่องบิน โดรน ระบบต่อต้านขีปนาวุธ รถถัง และปืนใหญ่