เพิ่ม nation online
ลงในหน้าจอหลักของคุณ
แต่ดูจากท่าทีของนายกฯ ตามคำบอกเล่าของคนใกล้ชิด ที่ถึงขั้นสวมกอด "พี่ใหญ่" และแจกจ่าย "มินิฮาร์ท" งานนี้ต้องบอกว่า "จบสวย" และน่าจะอนุมานได้ว่า "บิ๊กป้อม" การันตีค้ำบัลลังก์ให้ต่อไป
แนวทางที่ "พี่น้อง 3ป." จะขับเคลื่อนทางการเมืองต่อหลังจากนี้ แน่นอนว่าต้องบางส่วนเกี่ยวข้องกับ "ผู้กองธรรมนัส" อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คือ
1."บิ๊กป้อม"น่าจะรับโจทย์ไปเจรจากับ "ผู้กอง" ให้สนับสนุนรัฐบาลต่อไป อย่างน้อยก็อย่าโหวตสวนในญัตติหรือกฎหมายสำคัญ โดยเฉพาะญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ
2.จับมือกันลอยแพ "ผู้กอง" ซึ่งมีอยู่ 2 แนวทาง คือ พยายามดึงกลุ่ม 16 ส.ส.ที่ย้ายไปพรรคเศรษฐกิจไทยบางส่วน ให้เป็น "งูเห่า" โหวตหนุนรัฐบาล มีการประเมินกันว่า ส.ส.ที่ยังพอดึงกลับได้ มีอยู่ประมาณ 5-6 คน ซึ่งจะทำให้กลุ่มผู้กองในนามพรรคเศรษฐกิจไทย มี ส.ส.ในมือพร้อมโหวตเพียง 10 คนเท่านั้น
ขณะเดียวกัน ก็มีประเด็นที่ "ผู้กองธรรมนัส" ติดบ่วงอยู่ คือ เรื่องบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินที่ยื่นไว้ต่อ ป.ป.ช. และคณะกรรมการ ป.ป.ช. ตั้งประเด็นไต่สวนความมีอยู่จริงของทรัพย์สินเหล่านั้น
จากการตรวจสอบของ "เนชั่นทีวี" ไปยังสำนักงาน ป.ป.ช. พบว่า "ผู้กองธรรมนัส" และคู่สมรส โดน ป.ป.ช.ไต่สวนในประเด็นบัญชีทรัพย์สินอยู่ 3 ประเด็น คือ
1.กรณีการถือครองหุ้น บริษัท เดอะบางกอก อะไลฟ์ จำกัด ซึ่งทำธุรกิจนายหน้าซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ และเช่าพื้นที่ทำตลาด เอกสารเดิมมีชื่อ "ผู้กองธรรมนัส" ถือหุ้นจำนวน 15,000 หุ้น คิดเป็น 30% ของทุนจดทะเบียน แต่ไม่ได้แจ้งในบัญชีทรัพย์สินที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. เมื่อครั้งเข้ารับตำแหน่ง ส.ส.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ เมื่อปี 62
แต่ก่อนหน้านี้ "ผู้กองธรรมนัส" เคยออกมาชี้แจงว่า เป็นความผิดพลาด และบริษัทได้ถอนชื่อตนออกไปแล้ว ซึ่งภายหลังทางบริษัท ก็แจ้งกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ถอนชื่อ "ผู้กองธรรมนัส" ออกไปจริง แต่คำถาม คือ ป.ป.ช.จะเชื่อคำชี้แจงนี้หรือไม่ หรือมองว่าเป็นความผิดสำเร็จแล้ว
2.กรณี นางอริสรา พรหมเผ่า ภรรยาของ "ผู้กองธรรมนัส" ถือครองหุ้น 3 บริษัท เกินร้อยละ 5 แต่ไม่ได้แจ้งต่อประธานกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อขอรับประโยชน์ จึงอาจเข้าข่ายขัดต่อพ.ร.บ.การจัดการหุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตรี พ.ศ. 2543 ซึ่งบังคับถึงภรรยาที่จดทะเบียนสมรสด้วย
3.กรณีการแจ้งรายได้จากการขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเฉลี่ยเดือนละ 3 ล้านบาท ทั้งที่ไม่ปรากฏชื่อถือหุ้นในบริษัทขายสลาก
นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช. เปิดเผยกับ "เนชั่นทีวี" ถึงการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของ "ผู้กองธรรมนัส" ว่า อยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบพยานหลักฐาน มีการส่งเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. จากส่วนกลาง และ ป.ป.ช.จังหวัดพะเยา รวมถึงจังหวัด ซึ่งเป็นที่ตั้งของทรัพย์สินตามที่แจ้ง ลงพื้นที่ตรวจสอบความมีอยู่จริง
ขณะเดียวกัน ยังได้ส่งหนังสือไปสอบถามยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อประสานขอข้อมูล ทั้งธนาคาร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เพื่อตรวจสอบข้อมูลบริษัทเอกชน และการถือหุ้นต่างๆ
นายนิวัติไชย ยืนยันว่าการตรวจสอบเป็นไปตามปกติ ไม่ได้มีการเร่งรัด และยังไม่มีคิวเรียก "ผู้กองธรรมนัส" เข้าชี้แจง เนื่องจากต้องรอเอกสารหลักฐานที่ชัดเจนก่อน จากนั้นจึงจะมีการชี้มูลว่ามีความผิดหรือไม่ ส่วนทรัพย์สินที่ตรวจสอบมีกี่รายการ ไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากมีอยู่จำนวนมา จึงไม่สามารถบอกได้ว่าจะใช้เวลาอีกนานเท่าใด
แม้ เลขาธิการ ป.ป.ช.จะยืนยันว่าไม่มีการเร่งรัดคดี แต่การสะกิดแผลนี้ ก็อาจทำให้เกิดการเจรจาต่อรองทางการเมืองได้เหมือนกัน