ภาวการณ์การเมืองและการทำงานของรัฐบาล "ลุงตู่" พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นั้นมีหลากวาระที่ต้องกระทำตามยุทธศาสตร์ชาติที่วางไว้ และหนึ่งในนั้นคือการปราบทุจริต โดยเรื่องนี้นับเป็นวาระแห่งชาติที่พลเอกประยุทธ์วางไว้
ปฏิเสธไม่ได้ว่าการตั้งครม.เรือเหล็กที่มีสิบกว่าพรรคมาร่วมงานนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะจัดสรรอำนาจการทำงานให้ลงตัว แต่เวลาราวสามปีที่เรือเหล็กลอยกลางทะเลนั้นแม้จะมีหลากปัญหา และส่อแววจวนล่มหลายครั้งนั้น แต่พบว่า พลเอกประยุทธ์ก็ยังประคองพังงาไว้ได้แบบลุ่มๆดอนๆ
หนึ่งปีที่เหลืออยู่นั้นแน่นอนว่า พลเอกประยุทธ์ต้องตั้งรับกับแรงบีบจากสภาวะโควิด-19ที่เล่นเอาอ่วมไปทั่วทุกหัวระแหง และบวกกับภาวะตึงเครียดของโลกในตอนนี้คือวิกฤตรัสเซีย/ยูเครนในยามนั้น ผลกระทบหลากด้านจากถาโถมเข้ามาที่เมืองไทยแบบเลี่ยงไม่ได้ เพียงแต่จะมาช้าหรือเร็วเท่านั้น
บวกกับกระแสการเมืองที่หลากฝ่ายกำลังตีวงล้อมพลเอกประยุทธ์ให้ดับดิ้นโดยพลันก็พบว่าขั้วตรงข้าม เร่งเกมเช็ก บิล "ลุงตู่"แบบต่อเนื่อง
อย่าลืมว่าคะแนนนิยม"ลุงตู่"ที่ยังพอมีราคาในสายตาสังคม(ผลโพลล์หลายสำนัก)บ่งชี้ว่า สังคมยังให้แต้มบวกกับลุงตู่ตรงที่ "ซื่อสัตย์-ไม่ทุจริต" ดังนั้นทางเดียวที่พอจะเรียกราคาให้ลุงตู่มีแรงยืนระยะ(หากจะลุยต่อบนเวทีการเมือง)นั้น การสร้างราคาเรื่องปราบทุจริตต้องเด่นชัดในเร็ววัน
สายข่าวจากทำเนียบรัฐบาล ให้ข้อมูลว่า ที่ผ่านมาพบเรื่องร้องเรียนมายังทำเนียบรัฐบาลมากมาย โดยเฉพาะการแอบอ้างตราราชการ/เครื่องหมายและเครื่องแบบราชการไปหลอกลวงสังคมเพื่อหากินโดยมิชอบจากบุคคลบางแขนงที่มาจากฝ่ายการเมือง โดยเรื่องราวเหล่านี้"พลเอกประยุทธ์"สั่งจัดการขั้นเด็ดขาด
"ที่ผ่านมามีหลายคนอ้างว่าเป็นคณะทำงานของฝ่ายการเมือง โดยไปแอบอ้างตราสัญลักษณ์ทำเนียบรัฐบาล/ปลอมคำสั่งทางราชการ/แต่งกายเลียนแบบข้าราชการเพื่อไปหากินกับประชาชน โดยบางคนร้องเรียนว่าเสียเงินนับแสนบาทเพื่อจะได้มีชื่อเป็นคณะทำงานของรัฐบาลหรือไปรับราชการ ทั้งที่ไม่เป็นความจริง รัฐบาลไม่เคยออกคำสั่งหรือนโยบายแบบนั้น แต่คนที่แอบอ้างมักอ้างว่าเป็นคณะทำงานของรัฐบาล –เป็นคณะทำงานของรัฐมนตรีหรือผู้ช่วยรัฐมนตรีไปหลอกสังคม
กรณีเช่นนี้ พลเอกประยุทธ์ สั่งการให้ฝ่ายเลขาธิการนายกรัฐมนตรีจัดการเอาผิดให้ถึงที่สุด ทั้งทางแพ่งและอาญา"
สายข่าว แจ้งว่า ล่าสุดที่มีการอ้างป้ายที่มีตราสัญลักษณ์กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เเละสำนักนายกรัฐมนตรีไปติดตั้งที่อาคารแห่งหนึ่งในเขตหนองแขม กทม.นั้น ทราบว่าติดตั้งโดยไม่ได้รับอนุญาต
โดยกอ.รมน.ระบุแล้วว่า จะดำเนินการทางกฎหมาย และทำเนียบรัฐบาลก็จะจัดการเช่นกัน แม้เจ้าของอาคารดังกล่าว(นายพันธ์ยศ อัครอมรพงศ์ อดีตเลขาธิการพรรคภราดรภาพ)จะมอบหลักฐานขบวนการหลอกลวงประชาชนแก่กอ.รมน.และทำเนียบรัฐบาลแล้วก็ตามว่าเจ้าของอาคารดังกล่าวโดนขบวนการต้มตุ๋น แต่เจ้าของอาคารก็ปฏิเสธความผิดที่ใช้ตราราชการโดยไม่ได้รับอนุญาตไม่ได้
สายข่าว กล่าวว่า ทราบว่าเจ้าของอาคารดังกล่าวอ้างว่าโดนต้มตุ๋นโดยมีการชักชวนให้เป็นผู้ดำรงตำเเหน่งทางการเมืองในคณะทำงานต่างๆของสำนักนายกฯ
โดยอ้างว่าหลงเชื่อคำชักชวนของ 1.นายธนณัฏฐ์ ปิยะสิริพร หรือ ท็อปที่อ้างตัวเป็นประธานยุทธศาสตร์ภาคกลาง คณะทำงานกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี 2.นายไชยเชษฐ์ ฉัตรวรรณกลาง ที่อ้างตัวเป็นรองประธานคณะทำงานภาคกลางกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี 3.ทั้งสองคนอ้างว่าเป็นคณะทำงานของนายอภิชาด คำดี ประธานขับเคลื่อนยุทธศาสตร์คณะทำงานกรรมการกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี (พล.ต.นพรัตน์ แป้นแก้ว) โดยพล.ต.นพรัตน์ พ้นตำเเหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีไปตั้งเเต่วันที่ 3 ก.ย. ปีที่แล้วนั้น
สายข่าวชี้ว่า "จากการตรวจสอบพบว่า ทั้งสามคนไม่มีชื่อและตำแหน่งใดๆอย่างเป็นทางการในช่วงที่พลตรีนพรัตน์เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี ดังนั้นคนพวกนี้น่าจะแอบอ้างกันเองเพื่อไปตั้งแก๊งหลอกประชาชนแต่จะมีใครเกี่ยวข้องบ้างนั้นมีการตรวจสอบแล้วและจะดำเนินการทางกฎหมายตามขั้นตอน”
"ขอเรียนว่าการเสนอบุคคลให้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนั้นจะมีการตรวจสอบทุกระยะ หากมีสิ่งใดที่ผิดปกติ พลเอกประยุทธ์จะจัดการทันที กรณีนี้มีการร้องเรียนมาว่ามีการแอบอ้างตำแหน่งดังกล่าวไปหลอกลวงประชาชน โดยผู้ช่วยรัฐมนตรีคนนั้นก็พ้นหน้าที่ไปแล้ว และความจริงผู้ช่วยรัฐมนตรีไม่มีอำนาจลงนามแต่งตั้งคณะทำงาน เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากนายกฯหรือรัฐมนตรีเจ้ากระทรวงเพื่อเป็นคณะทำงานเฉพาะกิจ
ดังนั้นการกล่าวอ้างดังกล่าวนั้น ถือว่ามีความผิด โดยกรณีอาคารที่เขตหนองแขมนั้น คือหนึ่งในการอ้างความเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและทำเนียบรัฐบาลไปหลอกชาวบ้าน พลเอกประยุทธ์จึงสั่งให้ตรวจสอบและเอาผิดทุกคนที่เกี่ยวข้องเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง"
แปลความได้ว่า แก๊งลวงโลกที่เพล่นพล่านในทุกวันนี้โดยอ้างความเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไปหลอกเอาเงินชาวบ้านนั้น เชื่อว่าลุงตู่จะไม่ปล่อยไว้เป็นอันตรายต่อสังคม ดังนั้น ใครที่เกี่ยวข้องก็ต้องรับผลกรรมที่ก่อไว้ในเร็ววันนี้เว้นแต่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองให้ปรากฏ
หาก"ลุงตู่"ต้องการไปต่อบนเวทีการเมือง แต้มที่พอจะเรียกราคาได้คือการลุยปราบโกงในทุกกรณี แม้แต่คนแวดล้อมลุงตู่ที่มีกระแสข่าวลือเชิงลบว่าไปมีเอี่ยวเรื่องสีเทาหลายเรื่องนั้น หากลุงตู่ปล่อยไว้และไม่เช็กบิล รับรองเลยว่า กระแสตีกลับเป็นแน่แท้ และเส้นทางของลุงตู่น่าจะตีบตันกว่าเดิม หากเร่งไม่จัดการเหลือบสังคมเหล่านี้