รัสเซียยึดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ - ยูเครนชี้ยิงถล่มเป็นก่อการร้าย

ทางการยูเครนเปิดเผยว่าทหารรัสเซียเข้ายึดโรงไฟฟ้า "ซาโปริชเชีย" ในเมืองเอเนรโฮดาร์ได้แล้ว หลังรถถังระดมยิงปืนใหญ่ถล่มจนเกิดไฟไหม้อาคารฝึกอบรมหลังหนึ่ง แต่ดับได้แล้วช่วงเช้าตรู่วันนี้่ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของโรงไฟฟ้ายังคงเฝ้าคุมสถานการณ์ของหน่วยผลิตไฟฟ้า ให้ทำงานตามปกติได้อย่างปลอดภัย

โรงไฟฟ้าถูกยิงถล่มด้วยปืนใหญ่นานหลายชั่วโมง และคลิปจากกล้องวงจรปิดภายในโรงไฟฟ้าเผยให้เห็นกระสุนปืนใหญ่หลายนัด พุ่งใส่บริเวณโรงไฟฟ้าจากทุกทิศทาง กลายเป็นลูกไฟสว่างวาบ เกิดการระเบิดข้างลานจอดรถและกลุ่มควันปกคลุมทั่วบริเวณ 

สำนักงานบรรเทาภัยฉุกเฉินแจ้งว่า เจ้าหน้าที่สามารถดับไฟไหม้ได้เมื่อเวลา 06.20 น. เพียงเกือบ 1 ชม. หลังจากสามารถเข้าพื้นที่และเริ่มดับไฟได้ และยืนยันไม่มีผู้เสียชีวิตหรือผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้ นอกจากนี้ทางการยืนยันว่าโรงไฟฟ้ายังคงปลอดภัย และไม่มีการเปลี่ยนแปลงของระดับกัมมันตรังสีในพื้นที่ใกล้โรงไฟฟ้า ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน กล่าวโจมตีรัสเซียที่ยิงถล่มโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปว่า

"ไม่มีประเทศไหนนอกจากรัสเซียที่ยิงปืนใหญ่ถล่มเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ นี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของเรา ในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ ที่รัฐก่อการร้ายหันมาใช้วิธีก่อการร้ายด้วยนิวเคลียร์"

นอกจากนี้ผู้นำหลายชาติประสานเสียงประณามรัสเซีย โดยนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของอังกฤษ บอกว่าการโจมตีโดยประมาทของรัสเซีย อาจคุกคามความปลอดภัยของทั้งยุโรปโดยตรง ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เรียกร้องให้รัสเซียยุติการโจมตีรอบโรงไฟฟ้า และนายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด ของแคนาดา บอกว่าการโจมตีที่น่าสะพรึงกลัวควรยุติทันที 

เมื่อเร็ว ๆ นี้กองทัพรัสเซียสามารถยึดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิล ทางตอนเหนือของกรุงเคียฟได้แล้ว ซึ่งโรงไฟฟ้าแห่งนี้ยังอยู่ระหว่างการรื้อทำลาย หลังเตาปฏิกรณ์หลอมละลายในปี 2529 ส่วนโรงไฟฟ้า "ซาโปริชเชีย" ใช้เตาปฏิกรณ์แบบน้ำมวลหนัก ซึ่งมีความปลอดภัยกว่าเตาปฏิกรณ์ของโรงไฟฟ้าเชอร์โนบิลที่เป็นแบบน้ำมวลเบา