ยูเครนดับไฟไหม้ได้ ยืนยันโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ปลอดภัย

ภายหลังจากเกิดไฟไหม้ที่อาคารหลังหนึ่งในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ "ซาโปริชเชีย" ในเมืองเอเนรโฮดาร์ ของยูเครนจากการระดมยิงปืนใหญ่จากรถถังของรัสเซียช่วงเช้าตรู่วันนี้ ล่าสุดสำนักงานบรรเทาภัยฉุกเฉินแจ้งว่า แจ้งว่า เจ้าหน้าที่สามารถดับไฟไหม้ที่อาคารฝึกอบรมได้ในเวลา 6.20 น.ตามเวลาท้องถิ่น หรือเพียงเกือบ 1 ชม. หลังจากเจ้าหน้าที่สามารถเข้าไปเริ่มปฏิบัติการดับไฟในเวลา 5.20 น. และไม่มีผู้เคราะห์ร้าย  เจ้าหน้าที่บอกว่า การยิงโจมตีของรัสเซียทำไฟไหม้ส่วนที่อาคารฝึกอบรมสูง 5 ชั้นและห้องแลบ ตัวโรงไฟฟ้าไม่ได้รับผลกระทบ แม้วิตกว่า ไฟอาจลุกลามไปถึงหากไม่รีบควบคุม 

นอกจากนี้สำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ หรือ IAEA ทวีตด้วยว่า เจ้าหน้าที่ยูเครนได้แจ้งว่า อุปกรณ์ที่จำเป็นในโรงไฟฟ้าไม่ได้รับผลกระทบจากไฟไหม้

นอกจากนี้เจนนิเฟอร์ แกรนโฮล์ม รัฐมนตรีพลังงานของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับรัฐมนตรีพลังงานของยูเครนเรื่องสถานการณ์ไฟไหม้ และทราบว่า เตาปฏิกรณ์ได้รับการปกป้องด้วยโครงสร้างที่แข็งแกร่ง และเตาปฏิกรณ์ได้รับการปิดอย่างปลอดภัย  และไม่พบว่ามีระดับกัมมันตรังสีเพิ่มสูงขึ้นใกล้พื้นที่โรงไฟฟ้า 

ก่อนหน้านี้ภาพที่เผยแพร่จากโรงไฟฟ้า แสดงให้เห็นไฟกำลังไหม้ และรถถังระดมยิงเข้าใส่อาคารสร้างความวิตกว่าจะเกิดการแพร่กระจายของกัมมันตรังสี และหากเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ระเบิด จะสร้างหายนะที่เลวร้ายกว่าภัยพิบัติโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิลถึง 10 เท่า 

เจ้าหน้าที่ยูเครน ระบุว่า ทหารรัสเซียขัดขวางหน่วยฉุกเฉินไม่ให้เข้าไปในพื้นที่เพลิงไหม้ในหน่วยกักเก็บ "วัสดุกัมมันตรังสี" แต่สื่อท้องถิ่น รายงานว่า เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเข้าไปถึงจุดที่เกิดเพลิงไหม้และกำลังดับไฟ
 

โฆษกของโรงไฟฟ้า แถลงว่า เจ้าหน้าที่เข้าไปดับไฟอย่างเร่งด่วน เตาปฏิกรณ์ที่ถูกไฟไหม้อยู่ระหว่างการปรับปรุง ไม่ได้ใช้งาน แต่มีเชื้อเพลิงนิวเคลียร์อยู่ข้างใน และเรียกร้องให้รัสเซียหยุดใช้อาวุธหนักในการโจมตี เพราะถือเป็นมีภัยคุกคามอย่างแท้จริงจากอันตรายของนิวเคลียร์ ภายในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดของยุโรป 

โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ "ซาโปริชเชีย" (Zaporizhzhia) ตั้งอยู่ในเมือง " เอเนรโฮดาร์ " ห่างจากเขตสงครามในดอนบาสราว 200 กิโลเมตร ก่อสร้างเมื่อปี 2523  มีเตาปฏิกรณ์ 6 เตา แต่ละเตาผลิตไฟฟ้าได้  950 MW รวมเป็น 5,700 MW

โรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งนี้มีขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรป  และติด 1 ใน 10 โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ใหญ่ที่สุดในโลก ผลิตไฟฟ้าได้มากถึง 1 ใน 5 ของไฟฟ้าที่ผลิตได้ในประเทศ และปริมาณการผลิตคิดเป็น 1 ใน 2 ของพลังงานไฟฟ้านิวเคลียร์ทั้งประเทศ

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 28 ก.พ. 2565  รัสเซียอ้างว่ายึดโรงไฟฟ้าแห่งนี้ได้แล้ว แต่ยูเครนปฏิเสธ จนกระทั่งในวันที่ 4 มี.ค. 2565 ทหารรัสเซียพยายามยึดโรงไฟฟ้า และอาคารบางส่วนถูกไฟไหม้จากการถูกถล่มด้วยปืนใหญ่