ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ซึ่งยังหลบอยู่ในบังเกอร์ในสถานที่ที่เป็นความลับ ได้เรียกร้องให้ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย มาเจรจากับเขาแบบเผชิญหน้า หลังทำเนียบประธานาธิบดีฝรั่งเศสแถลงว่า ปูตินบอกกับประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส ระหว่างการสนทนาทางโทรศัพท์นาน 1 ชั่วโมงครึ่ง ว่าเขาจะยึดยูเครนทั้งประเทศและสถานการณ์จะเลวร้ายกว่านี้ ทั้งยังเรียกฝ่ายยูเครนว่า "พวกอันธพาลสุดโต่ง" ที่ใช้พลเรือนเป็นโล่ห์มนุษย์ เอายุทโธปกรณ์ไปซุกไว้ในพื้นที่อยู่อาศัยของพลเรือน ทำให้ตกเป็นเป้าของการโจมตี
ปูตินอ้างว่า "ยุทธการเฉพาะกิจ" ของรัสเซีย กำลังดำเนินไปตามเวลาที่กำหนด แม้ฝ่ายตะวันตกจะมองว่าทหารรัสเซียพลาดเป้าหมายหลัก ประสบความพ่ายแพ้ที่น่าอัปยศ และติดขัดไปเสียทุกอย่างเพราะเจอการต่อต้านในระดับที่คาดไม่ถึง
เซเลนสกีซึ่งนั่งเอียงข้างให้กล้องที่ถ่ายทอดสดผ่านทางโทรทัศน์ ได้เรียกร้องขอเจรจากับปูติน แต่ไม่วายใช้ถ้อยคำเสียดสีว่า
"ออกไปจากดินแดนของเรา... ไม่อยากออกไปตอนนี้ใช่ไหม งั้นมานั่งคุยกับผมที่โต๊ะเจรจา ผมว่าง นั่งด้วยกันโดยไม่ต้องห่าง 30 เมตร เหมือนเวลาคุยกับมาครงหรือโชลซ์ (ผู้นำฝรั่งเศส กับนายกรัฐมนตรีโอลาฟ โชลซ์ ของเยอรมนี) ผมเป็นเพื่อนบ้าน คุณไม่จำเป็นต้องให้ผมนั่งห่างตั้ง 30 เมตร"
เขาพูดต่อว่า
"ผมไม่กัด ผมเป็นคนธรรมดามานั่งคุยกับผม คุณกลัวอะไร เราไม่ได้คุกคามใคร เราไม่ใช่ผู้ก่อการร้าย เราไม่ได้ยึดธนาคาร ไม่ได้ยึดดินแดนของต่างชาติ"
ตอนนี้ผู้นำยูเครนได้กลายเป็นบุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจให้ทั้งในบ้านและในต่างประเทศ ที่กล้าท้าทายในระหว่างเผชิญการรุกรานของรัสเซีย และเรียกร้องให้ตะวันตกจัดหาเครื่องบินรบเพื่อช่วยกองทัพของเขาคุ้มกันน่านฟ้า หลังจากสมาชิกองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกหรือนาโต ปฏิเสธการบังคับใช้ "เขตห้ามบิน" เหนือนานฟ้ายูเครน เพราะเกรงจะเป็นการจุดชนวน "สงครามโลกครั้งที่ 3"