svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

ลุ้น "วัฒนา เมืองสุข" เดินทางรับฟังคำพิพากษาคดีทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทร

04 มีนาคม 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ลุ้น ศาลฎีกาฯ อ่านคำพิพากษา "วัฒนา เมืองสุข" อดีตรมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ คดีทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทรบ่ายนี้ ยันไม่ได้ทำผิด พร้อมวางแผนสู้คดีถึงถวายฏีกา

 

เนชั่นออนไลน์ เกาะติด ศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเตรียมอ่านคำพิพากษา คดีทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทร ซึ่งนายวัฒนา เมืองสุข อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้ยื่นขออุทธรณ์  โดยศาลฯจะอ่านคำแถลงปิดคดีในช่วงบ่ายสามโมงเย็นวันนี้ (4 มี.ค.65 )  

 

โดยเมื่อช่วงบ่าย นายวัฒนา ได้เดินทางมารับฟังคำพิพากษาด้วยตนเอง  ซึ่งนาย นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ในฐานะทนายความของนายวัฒนา เมืองสุข อดีต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เปิดเผยว่า  นายวัฒนา ได้อุทธรณ์และต่อสู้ทุกประเด็นว่า ไม่ได้กระทำผิดตามฟ้อง

 

ด้านนายวัฒนา  ทันทีที่เดินทางมาถึงต่างเข้าสวมกอดทีมทนาย เเละ ผู้ที่มาให้กำลังใจ พร้อมให้สัมภาษณ์ก่อนเข้ารับฟังว่า วันนี้มายืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง มาตามหาความเป็นธรรม ซึ่งได้ต่อสู้คดีมาอย่างเต็มที่ ขอบคุณทุกกัลยาณมิตรไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมืองเก่า หรือ พรรคการเมืองใหม่ ที่ให้กำลังใจมาตลอด

ลุ้น "วัฒนา เมืองสุข" เดินทางรับฟังคำพิพากษาคดีทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทร

"วันนี้ผมมาฟังคำพิพากษาเชื่อว่าจะออกมาตามครรลอง เพราะบ้านเมืองเราเสียความยุติธรรมเสียความน่าเชื่อถือไปมากแล้ว เชื่อว่าทุกคนจะพยายามเอากลับมาให้อยู่ในที่ทางที่ถูกต้อง" นายวัฒนา กล่าว  

 

 

 

 

เมื่อถามว่าหลักฐานที่ทำมามอบให้กับทางศาลฯในวันสรุปปิดคดี มั่นใจแค่ไหนว่าศาลจะรับฟังนั้น นายวัฒนา กล่าวว่า หลักการในการดำเนินคดีอาญาเป็นไปตามหรือพื้นฐานทั้งโลก ซึ่งคดีนี้ไม่มีอะไรถูกต้องทั้งหมด

 

นายวัฒนา  เมืองสุข  อดีตรมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

 

"อย่างแรกที่ยืนยันตลอดไม่ได้พูดแบบศรีธนญชัยมีการ กล่าวหาเกินไป ที่เชื่อหรือว่ามีการเรียกประชุมผู้ประกอบการหลาย 10 คน แล้วไปเรียกรับเงินเขา ซึ่งมีผู้กล่าวหาคนเดียว เมื่อข้อเท็จจริงเป็นเช่นนี้การจะเอาพยานหลักฐานมาพิสูจน์สิ่งเป็นเท็จก็จะต้องไปปั้นและจูงใจกันมาซึ่งหลักฐานการจูงใจและการต่อรองพยานมีเป็นหนังสืออยู่ในสำนวนอยู่แล้ว ซึ่งผมได้ชี้ให้ศาลได้เห็นแล้ว" นายวัฒนา กล่าว 

 

นายวัฒนา กล่าวว่า  หากศาลยังรับฟังพยานหลักฐานแบบนี้ต่อไปตำรวจจับผู้ต้องหาไม่ต้องสอบสวนเอาไฟช๊อตหรือทุบเลยและการกล่าวหาว่าไปเรียกเงินเพื่อการอนุมติหน่วยก่อสร้างหรืออนุมัติให้เป็นคู่สัญญานั้น ไม่ได้มีอำนาจ เพราะการเคหะแห่งชาติเป็นรัฐวิสาหกิจมีคณะกรรมการในการพิจารณา ซึ่งยืนยันว่ารัฐมนตรีไม่มีอำนาจนี้

 

โดยคดีนี้ป.ป.ช.บอกว่าคณะกรรมการไม่มีใครทำผิด แล้วตัวรัฐมนตรีจะลอยมาดื้อๆได้อย่างไร จึงยืนยันว่าคดีนี้ไม่มีความถูกต้องแต่แรกจนถึงสุดทัาย ซึ่งไม่แปลกใจที่ยังยืนสู้อยู่ตรงนี้ เพราะยืนยันว่าสิ่งที่กล่าวหาตนไม่เป็นความจริง 

 

นายวัฒนา ยังยอมรับว่าได้เตรียมใจ และพร้อมสู้ต่อในฐานะตนเป็นพสกนิกร ยังมีที่พึ่งและไม่ได้แปลว่าถูกจำคุกแล้วจะฟ้องกลับใครไม่ได้ เพราะกฎหมายให้อำนาจและทุกคนต้องทำตามครรลอง 

 

เมื่อถามว่าการสู้ต่อหมายถึงการถวายฏีกาใช่หรือไม่ นายวัฒนา กล่าวว่า ทุกทางที่มี หากในทางระบบปกติไม่ได้ ก็ต้องฟ้องตามที่ว่า ซึ่งถือเป็นหนึ่งทาง รวมถึงช่องทางตามกฎหมาย  

 

นายวัฒนา  เมืองสุข  อดีตรมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

 

ถามย้ำว่ายังเชื่อมั่นว่าศาลจะเชื่อในคำแถลงปิดคดีใช่หรือไม่ นายวัฒนา กล่าวว่า ได้แถลงไปชัดแล้ว ซึ่งไม่ได้พูดลอยๆ และยืนยันว่านักการเมืองไม่ได้โกงทุกคน และการยืนยันพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของกระบวนการยุติธรรมว่าพึ่งพาได้หรือไม่ และ ย้ำว่าในคดีอาญาหากทำผิดจริงไม่จำเป็นจะต้องปั้นพยานพูดอะไรเมื่อไหร่ก็จะไปลงที่เดียวกัน และที่นำหลักฐานมาให้ศาลเพราะมีอะไรที่ตอบคำถามไม่ได้  มีความผิดปกติหลายเรื่องในคดีตน และเชื่อว่าคำพิพากษาจะถูกวิจารณ์อีกมากหากมีการเผยแพร่ออกมา 


นายวัฒนา ยังมั่นใจว่า จะพ้นผิด ศาลยกฟ้อง เพราะสู้มาเพื่อความถูกต้อง สู้เพื่อความยุติธรรม สู้มา 15 ปีแล้ว  เมื่อคืนนอนหลับดีปกติ เตรียมใจน้อมรับคำตัดสินไว้ 2 ทาง  ถ้าคำพิพากษาออกมาตามครรลองก็ยอมรับ ก็จบ  แต่หากไม่ออกมาตามครรลองจะสู้ต่อ ยืนยันว่าจะสู้ทุกช่องทางและสู้จนหมดช่องทางสู้ แต่หากเป็นโควิด-19 ตายก็ช่วยไม่ได้ ทั้งนี้ยอมรับว่าคดีของตนเป็นการเมือง 1 ล้านเปอร์เซ็นต์ เพราะเป็นศาลฏีกาแผนกอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง” 

 

ขณะที่ รองศาสตราจารย์ สมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กรรมการการเลือกตั้ง สมาชิกพรรคเสรีรวมไทย เดินทางมาให้กำลังใจ บอกว่าเป็นเพื่อนร่วมรุ่นสวนกุหลาบ ขณะที่ พบ.ต.อ. เสรีพิสุทธิ์ เตมียเวช หน.พรรคเสรีรวมไทย ไม่ได้เดินทางมา หลังจากที่ก่อนหน้านี้มาให้กำลังใจ

 

ทั้งนี้ องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์ นัดพิพากษาอุทธรณ์ คดีทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทรของการเคหะแห่งชาติ หมายเลขดำ อม.อธ. 1/2565 ที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวัฒนา เมืองสุข อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และพวกรวม 14 ราย เป็นจำเลยในความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจเพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 และตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 6, 11

 

สำหรับคดีนี้เกิดขึ้นในยุคทักษิณ ชินวัตร และเริ่มตรวจสอบการกระทำผิดในช่วงของ คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ก่อนเปลี่ยนให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการสอบสวนต่อ กระทั่งปี 2560 ป.ป.ช.ได้มีมติชี้มูลความผิด นายวัฒนา พร้อมจำเลยคนอื่นๆ อีก 14 คน กรณีทุจริตเรียกรับสินบนจาก บริษัท พาสทิญ่า จำกัด ผู้รับเหมาโครงการบ้านเอื้ออาทร ผ่านบริษัทและลูกจ้างบริษัท เพรซิเด้นท์เทรดดิ้ง จำกัด จำนวน 82.6 ล้านบาท

 

เนื่องจากบริษัทดังกล่าวไม่มีคุณสมบัติในการเข้าเป็นคู่สัญญากับการเคหะแห่งชาติ แต่ได้มีการจ่ายสินบน เพื่อให้สามารถเข้าเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐได้ โดยหลังจาก ป.ป.ช.ส่งสำนวนให้อัยการ ปรากฎว่าอัยการพบความไม่สมบูรณ์ในสำนวน จึงต้องตั้งคณะกรรมการร่วมทั้ง 2 ฝ่ายขึ้นมาพิจารณา สุดท้ายอัยการสูงสุดชี้ขาดฟ้องนายวัฒนากับพวกเป็นจำเลยต่อศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

 

ศาลฎีกาฯ พิพากษาเมื่อ 24 ก.ย. 63 เห็นว่า พวกจำเลยร่วมกันกระทำผิดจริง โดย นายวัฒนา จำเลยที่ 1  กระทำผิดตามมาตรา 148 รวมความผิด 11 กระทง ให้จำคุกกระทงละ 9 ปี รวมจำคุกเป็นเวลา 99 ปี และจำคุกเสี่ยเปี๋ยง หรือ นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร จำเลยที่ 4 เป็นเวลา 66 ปี แต่ตามกฎหมายให้จำคุกได้สูงสุด 50 ปี จำคุก น.ส.รัตนา แซ่เฮ้ง จำเลยที่ 5 เป็นเวลา 20 ปี น.ส.กรองทอง วงศ์แก้ว จำเลยที่ 6 เป็นเวลา 44 ปี จำเลยที่ 7 เป็นเวลา 32 ปี ปรับจำเลยที่ 8 จำนวน 2 แสนกว่าบาท และจำคุก นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง จำเลยที่ 10 เป็นเวลา 4 ปี ยกฟ้องจำเลยที่ 2, 3, 9, 11-14 

 

ในส่วนของ นายวัฒนา ได้อุทธรณ์คดี ในชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์ของศาลฎีกาฯ และได้แถลงปิดคดีด้วยวาจา ยืนยันว่าสำนวนการสอบสวนคดีนี้ มีความผิดปกติหลายประเด็น และตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับนายอภิชาติที่แอบอ้างชื่อตัวเองไปเรียกรับผลประโยชน์กับบริษัทเอกชน อีกทั้งปปง.ได้ตรวจสอบเส้นทางการเงินแล้วไม่พบความผิดปกติ ซึ่งศาลฎีกาฯ นัดฟังคำพิพากษาวันที่ 4 มี.ค.นี้ ขณะที่ นายอริสมันต์ หลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษา และศาลได้ออกหมายจับไว้แล้ว

 

 

 

 

logoline