พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยภายหลังการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 หรือ ศบค. โดยนายกรัฐมนตรีได้ เน้นย้ำ ในที่ประชุมให้ปรับปรุงสายด่วน 1330 ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น หลังจากที่มีประชาชนจำนวนมากเข้าใช้บริการ อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยดูแลปรพชาชนเป็นอย่างดี หากไม่สามารถแยกกักได้จะต้องให้พื้นที่นำเข้ามายัง community isolation นอกจากนี้ยังได้เน้นย้ำการประชาสัมพันธ์ประชาชนไม่ให้ประมาทและการ์ดอย่าตก ขณะที่การการปรับพื้นที่โซนสีมาตรการยังคงเดิม
นอกจากนี้ที่ประชุมการรายงานค่าใช้จ่ายในการบริการโควิด - 19 ทำให้เห็นว่าที่ผ่านมาปี 2563- 2565 มีค่าใช้จ่ายรวม โดยแบ่งเป็นประกันสังคม และหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กรมบัญชีกลาง ปี 2564 จำนวน 97,747.94 ล้านบาท ปี 2565 เป็นของหลักประกันสุขภาพแห่งชาติทั้งหมด จำนวน 32,488 ล้าน โดยอยู่ระหว่างการของบประมาณเพิ่มอีก 51,065.13 ล้านบาท รวมค่าใช้จ่ายกว่าแสนล้านบาทที่จ่ายไป ขณะที่สัดส่วนเงินในโครงการยูเซ็ป ในผู้ป่วยโควิด 19 ของผู้ป่วยสีเขียวสูงถึงร้อยละ 88
ขณะที่อัตราครองเตียงของผู้ป่วยทั้งระดับเขียวสีเหลือง และสีแดง อัตราครองเตียงยังไม่มาก ร้อยละ 49.5
ขณะที่การผ่อนคลายมาตรการในวันนี้ไม่มีอะไรแตกต่างไปจากเดิมมากนัก โดยผู้ที่เดินทางเข้าประเทศแบบTest & Go ให้ปรับมาตรการป้องกันโรคโดยไม่ต้องตรวจ RT-PCR ครั้งที่ 2 โดยให้ไปตรวจแบบ ATK และแจ้งผลผ่านแอปพลิเคชั่น ในวันที่ 5 ของการเดินทางเข้ามาอยู่ในประเทศไทย รวมถึงเสนอปรับลดประกันสุขภาพจากเดิมไม่น้อยกว่า 50,000 เหรียญสหรัฐ เป็นวงเงินคุ้มครองไม่น้อยกว่า 20,000 เหรียญสหรัฐ สำหรับผู้ที่เดินทางมาจากทางอากาศ โดยจะมีผลบังคับใช้ 1 มีนาคม 2565 นี้
ส่วนมาตรการการเปิดเรียนแบบ on siteเป็นส่วนใหญ่ในสถานศึกษา พร้อมมีการเตรียมแผนเผชิญเหตุไว้ทั้งหมดแล้ว