แม้การอภิปรายครั้งนี้จะเป็นการอภิปรายทั่วไปแบบไม่มีการลงมติ
แต่ประเด็นการปกปิดข้อมูลการระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร ทำให้การระบาดแพร่กระจายไปทั่วประเทศ เกษตรกรเดือดร้อนเป็นวงกว้าง สุกรขาดตลาดและเนื้อสุกรมีราคาสูงขึ้นมาก
ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ชี้แจงถึงโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) ในสภาเสร็จ "ขุนเกษตร" แอบเห็นขึ้นรถรีบออกจากสภา
"เฉลิมชัย" รีบไปไหน สุดท้ายคำตอบ บึ่งรถมากรมปศุสัตว์ เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้กับข้าราชการพร้อมกับมอบนโยบายด้านปศุสัตว์
"เฉลิมชัย"ไปคุยอะไรกับข้าราชการกรมปศุสัตว์ "ขุนเกษตร" นั่งวินมอเตอร์ตามสืบทั้งทีต้องมีอะไรดีๆมาให้ได้อ่าน
"..เราใช้การป้องกันโรค ASF ในไทยกว่า 3 ปีเต็มๆ จนประกาศเชื้ออย่างเป็นทางการโดยกรมปศุสัตว์ ASF ก็ไม่มีวัคซีน แค่ยังอยู่ในขั้นตอนของการทดลองอยู่จนถึงกลางเดือนพฤษภาคม เราทำมาตลอด เราสามารถป้องกันโรคได้ถึง 3 ปี เราได้รับการยกย่องว่าเป็นประเทศที่ป้องกัน ASF ได้ดีที่สุดในอาเซียน"
รมว.เฉลิมชัย ใช้คำว่าเรา นั่นหมายถึง พวกหรือกลุ่มก้อนเดียวกัน เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เป็นคำที่ปลุกปลอบใจ เหมือนเป็นกำแพงที่แข็งแกร่งให้คนปศุสัตว์ได้พึ่งพิง
"ยืนยันว่าไม่มีการปกปิดทั้งสิ้น มันไม่เป็นประโยชน์กับใครทั้งสิ้น ท่านนายกรัฐมนตรีก็ได้ดำเนินการเรื่องนี้ ประกาศเป็นวาระแห่งชาติ มันไม่มีใครปิดบังกันได้ ทุกฝ่ายก็ทราบ เกษตรกรก็ทราบ มาตรการต่าง ๆ ถึงได้เกิดขึ้น เราดำเนินมาตรการต่าง ๆ ทุกอย่าง
รวมถึงการชดเชยให้เกษตรกรรายเล็กรายย่อยที่ไม่มีโอกาสเข้าถึงเทคโนโลยีเท่าฟาร์มขนาดกลาง-ใหญ่ ซึ่งไม่ใช่จ่ายกรณีเป็น ASF แต่กลุ่มเสี่ยงทั้งหมดต่างได้รับไม่มีการเอื้อให้กับนายทุนใหญ่ทั้งสิ้น สามารถตรวจสอบเอกสารราชการได้เลยว่ามีบริษัทใดบ้างส่งชิ้นส่วนสุกรไปต่างประเทศบ้าง"
นอกจากนั้น เฉลิมชัยยังขอบคุณข้าราชการกรมปศุสัตว์ "...ที่สำคัญต้องขอขอบคุณข้าราชการกรมปศุสัตว์ทุกท่านที่เป็นกำลังหลักในการช่วยแก้ไขปัญหาการระบาดของโรค ASF และการแก้ไขปัญหาด้านปศุสัตว์อื่นๆได้เป็นอย่างดี
สุดท้ายนี้ ของฝากหลักการทำว่าต้องเน้นความถูกต้องเป็นหลัก เป็นแนวทางในการปฎิบัติในการทำงาน การทำงานล้วนมีปัญหาและอุปสรรคแต่ปัญหาทุกอย่างจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดีหากคนในองค์กรรู้รักสามัคคี และร่วมแรงร่วมใจในการทำงาน
ขอให้ข้าราชการทุกท่านร่วมกันทำงานด้วยความเข้มแข็งดังเช่นที่ผ่านมาจนเกิดผลสำเร็จเป็นรูปธรรมในหลายเรื่อง และที่กำลังอยู่ระหว่างดำเนินการอีกเช่นกัน
พร้อมย้ำถึงหลักการสำคัญในการทำงานว่าปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เป็นสิ่งที่เราต้องฝ่าฟัน จะพ่ายแพ้ต่อปัญหาไม่ได้ ต้องหาวิธีการที่เหมาะสมในการที่จะเดินหน้าแก้ไข และต้องทำงานในเชิงรุก ด้วยความรวดเร็ว ให้สอดคล้องกัสถานการณ์ในปัจจุบันและนอกจากนี้เพื่อผลสำเร็จเพื่อประเทศชาติโดยรวมอันเป็นที่รักยิ่ง เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์"
เฉลิมชัยเยือนปศุสัตว์ครั้งนี้ มีนัยยะสำคัญทางการเมืองหลายอย่าง ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แม้ไม่ได้กำกับดูแลกรมปศุสัตว์โดยตรง แต่เรื่องโรคระบาดสัตว์ "เฉลิมชัย" เกาะติดสถานการณ์มาโดยตลอด
ออกรบในสภาเสร็จกลับมาปลุกปลอบให้กำลังใจแม่ทัพนายกองที่อยู่เบื้องหลัง แบบนี้ "เฉลิมชัย" โกยคะแนนหัวใจคนกรมปศุสัตว์ไปเต็มๆ ซึ่งจุดนี้แตกต่างจาก รมช.ประภัตร โดยสิ้นเชิง แม้รมช.ประภัตร จะยืดซดชี้แจงในการอภิปรายในวันแรก แต่มิวายโดน ส.ส.เต้ มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ กระแนะกระแหนว่าตอบไม่ตรงประเด็น
หากพูดกันให้ชัด การสร้างขวัญกำลังใจครั้งนี้จะเป็นที่จดจำ มองเหลี่ยมการเมือง "เฉลิมชัย" แม้จะเป็นคนพูดน้อย แต่เหลี่ยมการเมืองทำอะไรเข้าตาตลอด
ด้านนายสัตวแพทย์สรวิศ ธานี อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวขอบคุณ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่มาให้กำลังข้าราชการกรมปศุสัตว์ในการขับเคลื่อนงานด้านปศุสัตว์ให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ขอขอบคุณ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน ที่ได้ทำหน้าที่ผู้บังคับบัญชาได้อย่างดียิ่ง ในการอภิปรายในการสร้างการรับรู้และสร้างความเข้าใจให้กับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้ทราบถึงข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงเพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนและจะกำชับข้าราชการกรมปศุสัตว์ทุกท่านดำเนินงานด้วยความ ถูกต้อง โปร่งใส ตรวจสอบได้ยึดประโยชน์ของเกษตรกร ประเทศชาติ เป็นสำคัญ"
เรื่อง ASF จะเป็นมหากาพย์ เป็นละครจักรๆวงศ์ๆตอนเช้าที่ต่อได้ยาวยืด ฝ่ายค้านเตรียมรุกไล่ ทั้งข้อมูลเอกสารและการขยายแผลให้ปริใหญ่มากยิ่งขึ้น
แต่การรับมือทางฝั่งรัฐสำคัญ การปรากฎกายของเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ มีนัยยะและความหมายลึกซึ้ง มากกว่าเลขาธิการพรรคชาติไทยพัฒนา อย่าง รมช.ประภัตร โพธสุธน จะคาดเดา "ขุนเกษตร" นึกในใจหากเป็นเช่นนี้ คนคุมกรมทางพฤตินัยและได้ใจคนปศุสัตว์ คือ "เฉลิมชัย ศรีอ่อน"