การอภิปรายครั้งนี้ถือว่าเป็นการซ้อมใหญ่ ขึ้นชกจริงคือเดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม นี่คือการอภิปรายตามมาตรา 152 ไม่มีการลงมติ แต่การอภิปรายในครั้งนี้ก็สำคัญ เพราะถ้าหากพรรคฝ่ายค้านอภิปรายออกมาดี สามารถทำลายความชอบธรรมให้เห็นความล้มเหลวของรัฐบาลได้
การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลด้วยการอภิปรายแต่ไม่ลงมตินั้น เป็นสิ่งหนึ่งที่เราสังเกตได้ว่าวันนี้การอภิปราย พรรคฝ่ายค้านได้เปิดทางให้คนรุ่นใหม่ มือใหม่ทางการเมืองได้เปิดวิธีคิดกับประชาชน แม้ว่าการอภิปรายรอบนี้จะไม่มีการลงมติ แต่เป็นการดิสเครดิตการทำงานของรัฐบาลที่มีปัญหา
มีการแบ่งเรื่อง อันแรกคือวิกฤตเศรษฐกิจ สองคือวิกฤตด้านการเมือง วันนี้วาทะกรรมว่าด้วยเรื่องแพงทั้งแผ่นดิน เรื่องเศรษฐกิจ เรื่องปากท้องประชาชน จึงเป็นปัจจัยหลักที่มีการพูดถึงในวันแรก
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว พรรคเพื่อไทย ผู้นำฝ่ายค้าน ได้พูดอภิปรายวันนี้ว่า สำหรับญัตติที่จะอภิปรายนั้น เป็นญัตติแพงทั้งแผ่นดิน จนทั้งแผ่นดิน พังทั้งแผ่นดิน หรือ แพงจนพังทั้งแผ่นดิน
ฝ่ายค้านตอกอยู่เรื่องเดียวคือการบริหารจัดการของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีที่เป็นหัวหน้ารัฐบาล
แพง จน พัง ทั้งแผ่นดิน
มีการอธิบายเรื่องการทุจริต คอร์รัปชัน นายกรัฐมนตรีบอกว่า "ถ้าผมยังอยู่ ผมจะไม่มีการทุจริตโดยเด็ดขาด"
เรื่องของเศรษฐกิจเป็นหัวใจหลักที่เปิดแผลรัฐบาล หมูแพงเป็นหนึ่งเรื่องที่ถูกอภิปราย บอกว่ารัฐบาลปกปิดข้อมูลของโรคระบาด
ปดิพัทธ์ สันติภาวา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล บอกว่า ปัญหาทั้งหมดนี้ต้องถามนายกฯ ว่าจะรับผิดชอบการปกปิดข้อมูล การละเลยการปฏิบัติหน้าที่ของกรมปศุสัตว์ที่ทำให้ประเทศเสียหายขนาดนี้ได้อย่างไร ท่านบอกให้เอาไอ้โม่งออกมาก็นั่งอยู่ข้างๆ กัน และถ้าหาไอ้โม่งไม่เจอ นายกฯ ก็ไปส่องกระจกว่านี่คือความรับผิดชอบของท่าน
ประเด็นหลักที่ขย่มรัฐบาล
ประเด็นวันนี้มุ่งไปที่ของแพง ค่าแรงถูกและเอื้อนายทุน หน้าที่ของฝ่ายค้านวันนี้คือจะทำลายความชอบธรรมของรัฐบาล เพราะอำนาจจะอยู่ได้ต้องอยู่ด้วยความชอบธรรม
ประเด็นไม้ตายของฝ่ายค้าน
ปรากฏการณ์ที่เห็นในการอภิปรายรอบนี้จึงเป็นการซ้อมใหญ่เปิดแผลรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และการชกจริงจะเกิดขึ้นในอีก 3 เดือนข้างหน้า
ที่มา เนชั่นอินไซต์ โอ-บากบั่น บุญเลิศ , วี-วีระศักดิ์ พงศ์อักษร