ทำเนียบขาว เปิดผยว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน สนทนาทางโทรศัพท์นาน 1 ชั่วโมงกับประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครนเมื่อวันอาทิตย์ และไบเดนให้คำมั่นอย่างชัดเจนว่า สหรัฐฯ จะปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพทางดินแดนของยูเครน รวมทั้ง "สหรัฐฯจะตอบจะตอบโต้อย่างรวดเร็วและเด็ดขาดภายใต้การสนับสนุนของพันธมิตรและหุ้นส่วน ถ้ารัสเซียรุกรานต่อยูเครน"
แต่ไบเดนยังไม่เปลี่ยนแปลงคำสัญญาที่ว่าจะไม่ส่งทหารอเมริกันเข้าไปในยูเครน และทั้งฝ่ายเห็นชอบร่วมกันว่าจะให้ความสำคัญต่อแนวทางทางการทูต และยังหารือถึงแนวทางใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อรัสเซีย หากบุกยูเครน
นอกจากนี้ทำเนียบประธานาธิบดีของยูเครน บอกว่า ประธานาธิบดีเซเลนสกีเชิญไบเดนเยือนยูเครนในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ซึ่งจะมีความสำคัญต่อการสร้างเสถียรภาพ และเป็นสัญญาณที่ดีที่จะลดความตึงเครียด
การหารือของสองผู้นำมีขึ้นหลังจากเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ เพิ่งเปิดเผยกับสื่อว่า ในช่วง 10 วันที่ผ่านมา รัสเซียสั่งสมกำลังเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว และอาจเปิดปฏิบัติการทางทหารได้ทุกเมื่อ
รัสเซียมีกำลังทหารบริเวณแนวชายแดนยูเครนมากถึงเกือบ 1 แสนนาย นอกจากนี้กำลังมีการซ้อมรบร่วมครั้งใหญ่กับเบลารุส ที่เป็นชาติเพื่อนบ้านของยูเครน และยังเตรียมซ้อมรบของกองทัพเรือรัสเซียในทะเล 2 แห่งทางตอนใต้ของยูเครนในสัปดาห์นี้ แต่ยืนยันว่า ไม่มีแผนบุกยูเครน
กระทรวงต่างประเทศยูเครน เปิดเผยว่า รัสซียเพิกเฉยต่อคำขอให้ชี้แจงเรื่องระดมกำลังทหารในพื้นที่ตามแนวพรมแดนที่ติดกับยูเครน จึงขอให้มีการประชุมร่วมกันภายใน 48 ชั่วโมงข้างหน้าเพื่อความโปร่งใสเกี่ยวกับแผนการของรัสเซีย
และความกังวลที่เพิ่มมากขึ้นว่ารัสเซียอาจบุกยูเครน ทำให้องค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (OSCE) เริ่มถอนกำลังเจ้าหน้าที่สังเกตการณ์ออกจากเมืองโดเนสก์ ที่อยู่ในการควบคุมของกบฏแบ่งแยกดินแดนในภาคตะวันออกของยูเครน หลังจากประจำการมานานกว่า 7 ปีนับตั้งแต่เกิดการสู้รบระหว่างทหารยูเครนและกบฏที่ฝักใฝ่รัสเซียในปี 2557
กระทรวงต่างประเทศรัสเซีย แถลงว่า การตัดสินใจดังกล่าวสร้างความกังวลอย่างมากให้กับรัสเซีย และมองว่า ภารกิจของ OSCE ถูกลากเข้าไปอยู่ในเกมที่สหรัฐฯสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการกระทำการยั่วยุ