พรรคกล้ายื่น "ลุงชวน" แก้ข้อบังคับประชุมสภา เพิ่มโทษ ส.ส.ทำสภาล่มซ้ำซาก

     วันนี้ (10 ก.พ.) ตัวแทนพรรคกล้า นำโดย นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ และ นายแสนยากร สิงหวีรธรรม ยื่นข้อเสนอแก้ไขข้อบังคับการประชุม เพิ่มโทษทางวินัยแก่สมาชิกที่บกพร่องในการทำหน้าที่ ถึง นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ผ่านนายแพทย์สุกิจ อัตโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาฯ พร้อมนำรายชื่อประชาชน 8,000 คน ที่เห็นด้วยกับกับข้อเสนอดังกล่าว โดยมองว่า การทำงานของฝ่ายนิติบัญญัติที่เกิดสภาล่มบ่อยครั้ง จึงควรเปลี่ยนข้อบังคับการประชุมสภาฯ ด้วยการเพิ่มบทลงโทษทางวินัยแก่ ส.ส.ที่ไม่แสดงตน และก่อให้เกิดสภาล่ม 

     ซึ่งแคมเปญนี้เริ่มต้นจากการประชุมสภาล่มครั้งที่ 14 (ปัจจุบัน สภาล่มครั้งที่ 17) ก่อให้เกิดค่าเสียหายกว่า 88.6 ล้านบาท (สภาล่ม 1 ครั้ง สูญกว่า 5 ล้านบาท) ทั้งที่เป็นภาษีประชาชน พร้อมยกตัวอย่าง นักเรียนขาดเรียนยังถูกตัดคะแนน พนักงานบริษัทขาดงาน ดังนั้น ส.ส.ผู้ทรงเกียรติที่รับเงินจากประชาชน ก็ควรถูกหักเงินด้วย แต่ที่ผ่านมาการไม่แสดงตัว ยังไม่มีบทลงโทษใดๆ ทางพรรคกล้า จึงเป็นตัวแทนนำเสนอบทลงโทษ 3 ประการ คือ

     1.ในทางแพ่ง คือการตัดเงินเดือนบางส่วน คิดเป็นอัตรารายวัน โดยคำนวณจาก ฐานเงินเดือน หารด้วย 30 วัน หากไม่มีจดหมายลาแจ้งล่วงหน้าเป็นลายลักษณ์อักษร

     2.เมื่อ ส.ส. คนใด ผัดการแสดงตัวเกินร้อยละ 25 จะถูกคาดโทษใบเหลืองคือ การจำกัดสิทธิ์ในการโหวตรับรองร่างกฏหมาย และการอภิปรายในการประชุม 2 ครั้ง

     3.เมื่อ ส.ส. คนใด ขาดการแสดงตัวเกินร้อยละ 50 จะถูกคาดโทษใบแดงคือ การจำกัดสิทธิ์สมัครลงรับเลือกตั้ง และดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมืองในสมัยเลือกตั้งหน้า

     นายพงศ์พล กล่าวว่า โทษใบแดงอาจดูรุนแรง แต่ทั้งหมดถูกอ้างอิงจากโทษของประชาชนทั่วไป ที่ไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ก็โดนตัดสิทธิการสมัครและดำรงตำแหน่งข้าราชการทางการเมืองถึง 2 ปี ในขณะที่ ส.ส.ถูกเลือกเข้ามาโดยประชาชน แต่มีประวัติการแสดงตัวในสภาต่ำกว่าครึ่งหนึ่ง หรือไม่เคยแสดงตัวโหวตร่างกฎหมาย กลับไม่มีโทษทางวินัย

     จึงหวังว่าหวังว่าข้อเสนอจากพรรคกล้าและประชาชน จะได้รับการพิจารณา แก้ไขข้อบังคับการประชุมให้รัดกุมขึ้น ลดช่องโหว่ที่อาจเปิดโอกาสให้นักการเมืองฝ่ายใดตั้งใจทำสภาล่ม เพื่อความได้เปรียบทางการเมือง

     ส่วนปัญหาสภาล่ม ที่ฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค่าน ต่างโยนเป็นความรับผิดชอบของอีกฝ่ายนั้น นายพงศ์พล มองว่า เป็นหน้าที่ของทั้ง 2 ฝ่าย ส.ส. มีหน้าที่โหวต เห็นด้วย ไม่เห็นด้วย งดออกเสียง แต่การใช้วิธีเดินหนี ไม่ใช่วิถีของประชาธิปไตย 
 

     ด้าน นายแสนยากร กล่าวว่า ประธานสภาผู้แทนราษฎร ยังเป็นประธานคณะกรรมการจริยธรรมของสภาฯ และรัฐสภาด้วย ซึ่งมีข้อบังคับประมวลจริยธรรมชัดเจน ข้อ 14 ระบุว่าสมาชิกและกรรมาธิการต้องอุทิศเวลาให้แก่การประชุม คำนึงถึงหลักการตรงต่อเวลา และไม่ขาดการประชุมโดยไม่จำเป็น ซึ่ง ส.ส.ก็เหมือนคนทำงาน ถ้าไม่มาทำงานก็ต้องมีบทลงโทษ ทั้งหักเงินเดือน หยุดพักงาน หรือตัดสิทธิเลือกตั้ง

     พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า สวัสดิการของ ส.ส.ที่มากกว่าคนทั่วไป ขึ้นเครื่องบินก็ฟรี จึงอยากให้ประธานสภาฯ ได้ตรวจสอบว่ามีการเบิกใช้สิทธิขึ้นเครื่องบิน แล้วมาประชุมหรือไม่ เพื่อดูความเสียหายที่เกิดขึ้น และหากเข้าข่ายผิดจริยธรรมร้ายแรงก็น่าจะส่งเรื่องถึง ป.ป.ช. ได้