เพิ่ม nation online
ลงในหน้าจอหลักของคุณ
จากดราม่าเที่ยวล่าสุด เมื่อ “แม่ค้าออนไลน์ชื่อดัง” ด่าบิวตี้บล็อกเกอร์กลางไลฟ์สดว่า “โง่!!” เนื่องจากไม่พอใจที่อีกฝ่ายรีวิวตลับแป้ง จนโลกโซเชียลพากันติดแฮชแท็ก และกลายเป็นกระแสต่อต้านรุนแรงนั้น
นอกจากประเด็น “แม่ค่าออนไลน์ชื่อดัง” ไม่ยอมพูดขอโทษคู่กรณี อีกหนึ่งสิ่งที่หลายคนอาจยังไม่รู้ว่า คำด่าหยาบคายว่า “โง่!!” นั้นมีความผิดตามกฎหมายอาญา “ฐานดูหมิ่น” มาตรา 393
ซึ่งมาตราดังกล่าว ระบุไว้ว่า ผู้ใดดูหมิ่นผู้อื่นซึ่งหน้า หรือด้วยการโฆษณา ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
สำหรับการ “ดูหมิ่น” หมายถึง การดูถูกเหยียดหยาม ทำให้อับอายและเสียหาย เป็นที่เกลียดชัง สบประมาทหรือด่า ส่วนกรณีคำหยาบคายไม่สุภาพ คำแดกดัน คำสาปแช่ง คำขู่อาฆาต คำปรับทุกข์ คำโต้เถียง คำกล่าวติชม ตามปกติวิสัยไม่เป็นการดูหมิ่น โดยการดูหมิ่นนั้น อาจเป็นการกระทำด้วยวาจา กริยาท่าทาง หรือโฆษณาก็ได้
ทั้งนี้คำด่าว่า “โง่!!” หรือ “ไอ้หน้าโง่” เคยมีคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7572/2542 ซึ่งการที่จำเลยกล่าวถ้อยคำต่อโจทก์ร่วมว่า "มึงเข้าไปในที่ของกูได้อย่างไร กูจะแจ้งข้อหาบุกรุกมึง มึงเป็นผู้ใหญ่บ้านได้อย่างไร ไม่รู้กฎหมาย ไม่รู้หน้าที่ ไอ้หน้าโง่มึงต้องเจอกับกูแน่ที่ศาล" นั้น
เห็นได้ว่าสรรพนามที่ใช้แทนตัวจำเลย และโจทก์ร่วมว่า “กูและมึง” เป็นเพียงถ้อยคำไม่สุภาพ ส่วนถ้อยคำในทำนองว่า “โจทก์ร่วมเป็นผู้ใหญ่บ้านไม่มีอำนาจหน้าที่ ไม่รู้กฎหมายและจะฟ้องร้องดำเนินคดีกับโจทก์ร่วม” นั้น เป็นเพียงถ้อยคำต่อว่าโจทก์ร่วมที่เข้าไปในที่ดินของพ่อตาจำเลย โดยไม่ได้รับอนุญาต และแสดงเจตนาที่จะดำเนินคดีกับโจทก์ร่วมเท่านั้น ไม่ใช่ถ้อยคำที่ดูถูกเหยียดหยามโจทก์ร่วม
แต่ที่จำเลยว่าโจทก์ร่วม “ไอ้หน้าโง่” นั้น ถ้อยคำดังกล่าวแสดงอยู่ในตัวถึงการหมิ่นเหยียดหยามโจทก์ร่วม แม้จะเป็นการกล่าวถ้อยคำดูหมิ่นโจทก์ร่วม ในขณะที่จำเลยและโจทก์ร่วมทะเลาะกัน ก็ต้องถือว่าจำเลยกล่าวโดยมีเจตนาดูหมิ่นโจทก์ร่วม หาใช่ว่าการกล่าวในขณะทะเลาะกัน จะถือว่าจำเลยมิได้มีเจตนาดูหมิ่น อันจะเป็นการขาดองค์ประกอบความผิด
ขณะที่นายรัชพล ศิริสาคร ทนายความชื่อดัง โพสต์ให้ความรู้ถึงคำด่าหยาบคายว่า “โง่!!” ผ่านเฟซบุ๊กว่า “ไลฟสดด่าคนอื่นว่าโง่ โทษสูงสุดคุก 1 เดือน ปรับ 1 หมื่น”
ส่วนคำด่าอื่นๆ ที่เคยมีคำพิพากษาในศาลฏีกาว่ามีความผิดฐานหมิ่นประมาท เช่น
1."อีดอก” คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2102/2521 เป็นถ้อยคำหยาบคาย ฟังแล้วเข้าใจได้ชัดเจนว่า ผู้ถูกด่าเป็นหญิงไม่ดี จำเลยมีความผิดกฎหมายอาญา มาตรา 393 พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ปรับ 500 บาท
2."อีเหี้ย-อีสัตว์-อีควาย” คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5257/2548 นอกจากเป็นคำหยาบคาย ยังเปรียบเทียบผู้เสียหายเป็นสัตว์เลื้อยคลาน-สัตว์สี่เท้า จำเลยมีความผิดกฎหมายอาญา มาตรา 393 พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ภาค 3 ลงโทษปรับ 1,000 บาท
3."อีตอแหล” คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8919/2552 เป็นการดูถูกเหยียดหยาม สบประมาท ทำให้อับอายว่าเป็นคนพูดเท็จ จำเลยมีความผิดกฎหมายอาญา มาตรา 393 พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ปรับ 200 บาท
4.“ไอ้ระยำ-ไอ้เบื๊อก-ไอ้ตัวแสบ” คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1631/2538 ถ้อยคำเหล่านี้ หากพูดออกไป จำเลยมีความผิดกฎหมายอาญา มาตรา 393 และกระทำให้ผู้อื่นได้รับความอับอายต่อหน้าธารกำนัล กฎหมายอาญามาตรา 397
5.“เฮงซวย” คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1623/2551 ซึ่งมีความหมายในทางเสื่อมเสีย จำเลยมีความผิดกฎหมายอาญา มาตรา 393 พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ปรับ 1,000 บาท
6.“ผู้หญิงต่ำๆ” คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2256/2537 เป็นคำพูดเชิงเหยียดหยามว่า เป็นผู้หญิงไม่ดี มีศักดิ์ศรีต่ำกว่าผู้หญิงทั่วไป จำเลยมีความผิดกฎหมายอาญา มาตรา 393 ปรับ 1,000 บาท เป็นต้น