เยนส์ สโตลเตนเบิร์ก เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต แถลงวันนี้ว่า รัสเซียเคลื่อนกำลังทหารราว 30,000 นาย และอาวุธยุทโธปกรณ์ เข้าไปในเบลารุสในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการส่งกำลังพลไปเบลารุสครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามเย็น และอาวุธที่ส่งเข้าไปมีทั้ง เครื่องบินขับไล่ SU-35 ระบบขีปนาวุธต่อต้านอากาศยาน S-400 และขีปนาวุธอิสกันเดอร์ ที่สามารถติดหัวรบแบบปกติและหัวรบนิวเคลียร์
ขณะเดียวกันกระทรวงกลาโหมรัสเซีย เปิดเผยเมื่อวันพุธว่า ทหารรัสเซียที่ส่งเข้าไป ในเบลารุสใกล้กับชายแดนยูเครนจะอยู่ในเบลารุสจนถึงวันที่ 20 ก.พ.
ทหารชุดแรกของรัสเซียเดินทางไปถึงเบลารุสตั้งแต่วันที่ 19 ม.ค.แล้วเพื่อเข้าร่วมการ ซ้อมรบที่ชื่อว่า "Union Resolve - 2022" การซ้อมรบจะแบ่งเป็นสองช่วง โดยช่วงแรกจะเริ่มขึ้นในวันที่ 9 ก.พ. มุ่งฝึกฝนการคุ้มครองปกป้องหน่วยงานของรัฐและกองทัพ และคุัมครองน่านฟ้า รวมไปถึงการตรวจสอบความพร้อมและศักยภาพของระบบป้องกันภัยทางอากาศ หลังจากนั้นช่วงสองจะเน้นการฝึกต่อสู้และขับไล่การรุกรานจากภายนอก ปราบปรามการก่อการร้าย และปกป้องผลประโยชน์ของสองประเทศ
การเคลื่อนย้ายกำลังพลและการซ้อมรบดังกล่าวยิ่งสร้างความกังวลให้กับสหรัฐฯ และนาโตว่า รัสเซียกำลังพยายามเสริมทหารประชิดพรมแดนทั้ง 3 ด้านของยูเครนเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการบุกยูเครน
ก่อนหน้านี้รัสเซียก็เสริมกำลังทหารไปยังชายแดนติดกับยูเครนรวมเกือบ 1 แสนนายแล้ว แต่ยืนยันไม่มีแผนบุกยูเครนตามข้อกล่าวหาของชาติตะวันตก
กระทรวงต่างประเทศของสหรัฐฯ มีคำสั่งเมื่อวันจันทร์ให้ครอบครัวของเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ ในเบลารุส เดินทางออกจากเบลารุส และออกคำแนะนำไม่ให้พลเมืองสหรัฐฯ เดินทางไปเบลารุส
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สหรัฐฯ ก็สั่งให้ครอบครัวของเจ้าหน้าที่ประจำสถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงเคียฟของยูเครนเดินทางกลับประเทศ