อนุทิน เผยมาตรการจับปรับหากไม่สวมแมส แค่ข้อเสนอใน ศบค. ยังไม่บังคับใช้
อนุทิน เผยมาตรการจับปรับหากไม่สวมหน้ากากอนามัย เป็นเพียงข้อเสนอหน่วยงานใน ศบค. ระบุหากประชาชนให้ความร่วมมือไม่ต้องยกระดับเป็นกฎหมาย ซัดนักท่องเที่ยวต่างชาติหละหลวม เร่งหามาตรการแก้ แจงยังไม่ปรับมาตรการรับมือโควิดหากพุ่งแตะหลักหมื่น เหตุระบบยังรองรับได้
2 กุมภาพันธ์ 2565 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีที่เพจ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. เผยแพร่ข้อมูล หากไม่สวมหน้ากากอนามัยจะมีโทษจับปรับ ว่า เบื้องต้นยังไม่ทราบในรายละเอียดตรงนี้ แต่ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุขยังมีการรายงานเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด
“อาจเป็นข้อเสนอของหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งใน ศบค. ซึ่งต้องนำมาพิจารณากันดู พร้อมย้ำว่า ควรจะสวมใส่หน้ากากอนามัย และหากไปเลยที่เสี่ยงพบคนจำนวนมากก็ควรใส่หน้ากากอนามัย 2 ชั้น ”
เมื่อถามย้ำว่าก่อนหน้านี้เคยมีการออกประกาศเกี่ยวกับการจับปรับ หากไม่สวมหน้ากากอนามัยนั้น นายอนุทิน ระบุว่า ตนยังไม่ได้ผ่าน เมื่อใครคิดอะไรที่เป็นประโยชน์ แล้วทำให้เกิดการป้องกันโรคอย่างสูงสุด หรือ Universal prevention ทุกคนมีสิทธิ์คิดมีสิทธิ์เสนอและต้องมาฟังความคิดเห็นกัน หากได้รับความร่วมมือประชาชนนั้นเป็นอย่างดี ก็ไม่ต้องมาบังคับใช้ ไปหาคนปฏิเสธไม่ยอมใส่ อ้างเป็นความเป็นอิสระเสรีทำให้คนอื่นเดือดร้อนก็ต้องมาหารือกัน
ยอมรับว่าชาวต่างชาติหลายคนไม่ยอมสวมหน้ากากอนามัย ทั้งที่เกาะสมุย ก็มีรายงานมาว่า คนไทยให้ความร่วมมือหมดแต่ชาวต่างชาติ ไม่ค่อยยอมสวมหน้ากากอนามัย ด้วยวัฒนธรรมอะไรก็แล้วแต่ จึงเป็นเหตุที่ต้องมาคุยกันใน ศบค. ว่าจะทำอย่างไรกับคนส่วนนี้ดี และเมื่อออกมาตรการมาแล้วนักท่องเที่ยวก็ต้องปฏิบัติตามเพราะเข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม
ทั้งนี้นายอนุทิน ระบุว่า การบังคับใช้จะปรับหากไม่สวมหน้ากากอนามัยขณะนี้ยังไม่ใช่ออกมาเป็นในรูปแบบกฎหมาย ซึ่งจะต้องมาหารือกันอีกครั้งหนึ่งถึงเหตุผลและความจำเป็น ส่วนนักท่องเที่ยวที่ผ่านการเดินทางเข้าประเทศในระบบ Test and Go แล้วจะอ้างว่าผ่านระบบแล้วจะไม่สวมหน้ากากอนามัยอย่างนี้ไม่ได้ จึงจำเป็นต้องมีมาตรการจัดการ
ส่วนจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันหากทะลุถึงหลักหมื่นจะมีการปรับมาตรการภายในประเทศหรือไม่นั้น นายอนุทินระบุว่า ขณะนี้ต้องดูในเรื่องของผลของวัคซีน ซึ่งก็ยังถือว่าจำนวนผู้ป่วยหนัก ผู้ป่วยที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ หรือต้องใช้ห้องไอซียูยังไม่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น และ จำนวน Home isolation ยังคงสามารถควบคุมได้ดีอยู่ ผู้ป่วยติดเชื้อ ที่ไม่แสดงอาการหนักก็ยังอยู่ในเกณฑ์ ที่ขีดในฉากทัศน์ ของกรมควบคุมโรคไว้ มองว่าขณะนี้ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรที่สำคัญ ในความไม่ประมาท
