ความคืบหน้ากรณีที่วันนี้ (26 ม.ค.) เครือไทยโฮลดิ้งส์ หรือ TGH ได้ทำหนังสือแจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เกี่ยวกับมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เรื่องการเลิกประกอบธุรกิจประกันวินาศภัย ของบริษัท “อาคเนย์ประกันภัย จำกัด (มหาชน)” หลังกลุ่ม TCC ได้จ่ายสินไหมทดแทนประกันภัยโควิด-19 ให้อาคเนย์ประกันภัย-ไทยประกันภัยแล้วกว่า 9,900 ล้านบาท (อ่านรายละเอียด)
ล่าสุด นายชูฉัตร ประมูลผล รองเลขาธิการด้านกำกับ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย กล่าวว่า ขณะนี้ คปภ.ได้รับคำขอเลิกกิจการ และการส่งคืนใบอนุญาตประกอบธุรกิจจาก อาคเนย์ประกันภัย มาแล้ว โดยขั้นตอนหลังจากนี้จะเป็นอำนาจของคณะกรรมการ คปภ. ในการพิจารณาว่าจะรับคืนใบอนุญาตหรือไม่ โดยมีประเด็นการพิจารณาสำคัญ คือการพิทักษ์ประโยชน์ของผู้เอาประกัน และผู้มีส่วนได้เสียตามมาตรา 57 เป็นสำคัญ
มีรายงานว่า สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ คณะกรรมการ คปภ .ซึ่งมีปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธาน จะมีการนัดประชุมพิจารณาคำขอการคืนใบอนุญาตในวันที่ 28 ม.ค.นี้ ซึ่งจะพิจารณามีสาระสำคัญตามมาตรา 57 ซึ่งระบุว่า บริษัทใดประสงค์จะเลิกประกอบธุรกิจประกันวินาศภัย ให้ยืนคำขออนุญาตต่อคณะกรรมการ โดยการพิจารณาจะต้องพิทักษ์ประโยชน์ของผู้เอาประกันภัย ผู้รับประโยชน์ตามกรมธรรม์ประกันภัย หรือผู้มีส่วนได้เสีย โดยให้อำนาจคณะกรรมการ คปภ. มีอำนาจหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และระยะเวลา ซึ่งบริษัทจะต้องปฏิบัติให้แล้วเสร็จก่อนคณะกรรมการจะบอกเลิก
ประกอบด้วย วิธีจัดการหรือการโอนภาระผูกพันตามกรมธรรม์ประกันภัยที่มีผลผูกพันอยู่ ว่าจะมีผลอย่างไร วิธีการบอกกล่าวให้ผู้เอาประกันภัย ผู้รับประโยชน์ตามกรมธรรม์ และใช้สิทธิตามกฎหมาย การโอนหรือการขอรับเงินสำรองตามที่บริษัทวางไว้กับนายทะเบียน และการจัดการทรัพย์สิน และหนี้สิน ทั้งในส่วนที่เกี่ยวกับกิจการประกันวินาศภัย และกิจการที่ขออนุญาต
อย่างไรก็ตามในวันที่ 27 ม.ค. นี้ คณะอนุกรรมการฝ่ายกฎหมาย จะมีการพิจารณาคำขอจากอาคเนย์ ประกันภัย ก่อนเสนอบอร์ดชุดใหญ่ โดยจะพิจารณาแผนการคืนใบอนุญาตว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ โดยเฉพาะประเด็นการดูแลผลประโยชน์ของผู้เอาประกัน และผู้มีส่วนได้เสีย รวมถึงดูว่าหากผู้เอาประกันไม่เห็นด้วย ที่จะรับคืนเบี้ยประกันคืน ทางบริษัทจะมีแผนดำเนินการอย่างไร ซึ่งตามอำนาจหากบอร์ด คปภ.ไม่เห็นชอบแผน จะมีสิทธิไม่รับการขอเบิกเลิกกิจการจาก อาคเนย์ประกันภัย ซึ่งจะทำให้การบอกเลิกกิจการนั้นยังไม่มีผลโดยสมบูรณ์ และจะต้องคุ้มครองสิทธิผู้เอาประกันอยู่จนกว่าจะได้รับอนุมัติจาก บอร์ด คปภ.