ไม่จบ! ฟ้องอาญา "ผู้สอบบัญชี" โรงแรม "ดาราเทวี" ปมตกแต่งบัญชี

เป็นประเด็นมหากาพย์ สำหรับการประมูลขายทอดตลาดโรงแรมดาราเทวี จ.เชียงใหม่ มีทั้งเรื่องวุ่นๆ ชะลอวันประมูลขาย หรือคำสั่งย้ายเจ้าพนักงานบังคับคดีเชียงใหม่

กระทั่งวันที่ 24 ธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการขายทอดตลาดรอบ 2 มีผู้เข้าร่วมประมูล 2 ราย ได้แก่ บริษัทไฮไลฟ์ แอสเซส จำกัด และบริษัทอินเตอร์ ฟาร์อีสเทอมอลพาวเวอร์ จำกัด ก่อนที่บริษัทฝ่ายหลัง จะชนะการประมูล ราคาปิดที่ 2,012,620,000 บาท

แต่เรื่องกลับไม่จบตามราคาที่ปิด เมื่อผู้ถือหุ้นบริษัท IFEC เจ้าของโรงแรมดาราเทวี จะขอเข้าพบเลขาธิการสำนักงาน กลต. เพื่อสอบถาม และแจ้งให้ทราบว่า การซื้อขายดังกล่าว ไม่ผ่านมติคณะกรรมการ และการลงทุนครั้งนี้ของบริษัทอินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เทอมอล จำกัด บริษัทลูกของ IFEC อยู่ในสถานะมีหนี้สิน ไม่มีทางจะนำเงินมาชำระได้

โดยทางผู้ร้อง ตั้งข้อสังเกตว่า เงินจำนวน 110 ล้านบาท ที่ไปวางประกันการซื้อโรงแรมนั้น กรรมการของบริษัทฯ นำมาจากที่ไหน เมื่องบการเงินของบริษัท I Thermal ผู้ซื้อโรงแรม ที่ผู้สอบบัญชีลงนามรับรองในปี 2563 บริษัทนี้มียอดขาดทุนสะสมสูงถึง 1,700 ล้านบาทนั้น

ล่าสุดนายจำปา โพธินาม ผู้ถือหุ้น บจก.โรงแรมดาราเทวี และ บจก.ดาราเทวี เปิดเผยว่า ได้ยื่นฟ้องคดีอาญาต่อนายชัยยุทธ (สงวนนามสกุล) ผู้สอบบัญชีทั้ง 2 บริษัท และเป็นผู้สอบบัญชีของบริษัท IFEC ด้วย โดยยื่นฟ้องศาลจังหวัดเชียงใหม่ 2 คดี พร้อมยื่นกล่าวโทษต่อสภาวิชาชีพบัญชี และร้องขอให้สำนักงาน ก.ล.ต.เพิกถอนการเป็นผู้รับอนุญาตสอบบัญชีของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์

นายจำปา เปิดเผยว่า นายชัยยุทธ ปฏิบัติงานสอบบัญชีไม่เป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมาย ว่าด้วยผู้สอบบัญชีหรือข้อกำหนดเพิ่มเติม ตามที่ ก.ล.ต.กำหนด ทั้งยังยินยอมและร่วมมือกับกรรมการของ บจก.โรงแรม เปลี่ยนแปลงตัดทอน หรือปลอมเอกสารทางบัญชี

เช่น ยอมให้กรรมการบริษัทโรงแรม โอนย้ายเงินรายได้ทั้งหมดไปยังบัญชีอื่น เพื่อซ่อนเร้นไม่ให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษายึดอายัดได้ หรือการยอมให้ออกใบกำกับภาษีในนาม บจก.โรงแรม เพื่อตกแต่งงบการเงิน และจงใจให้ผู้ใช้งบการเงินเห็นว่ากิจการมีรายได้ แต่ไม่มีเงินสดเข้าสู่บัญชีเลย

“การกระทำทั้งหมด กรรมการและผู้สอบบัญชีรู้อยู่แล้วว่า หากมีเงินถูกโอนเข้าสู่บัญชีธนาคารของ บจก.โรงแรมดาราเทวี จะต้องถูกเจ้าหนี้อายัดทรัพย์ ดังนั้นการกระทำเหล่านี้ จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อยกย้าย ซ่อนเร้นรายได้จากการถูกเจ้าหนี้อายัดทรัพย์  เป็นการโกงเจ้าหนี้และทำให้เจ้าหนี้เสียหาย”

ทั้งนี้นายชัยยุทธ ให้การรับรองงบการเงินประจำปี 2563 ทั้งที่มิได้เปิดเผยประเด็นดังกล่าว ในหมายเหตุประกอบงบการเงิน มีความผิดทั้ง พ.ร.บ.การบัญชี 2543 , พ.ร.บ.วิชาชีพบัญชี 2547 , และกฎหมายภาษีอากร ฉะนั้น ก.ล.ต ควรรีบบังคับใช้กฎหมายเอาผิดผู้สอบบัญชี

เนื่องจากความผิดเหล่านี้ ส่งผลกระทบในวงกว้าง และไม่สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน หากสอบสวนแล้ว ก.ล.ต.พบว่า นายชัยยุทธ ผู้สอบบัญชี ขาดคุณสมบัต ทาง ก.ล.ต.ควรจะต้องรีบพิจารณาสั่งการตักเตือน และพักการให้ความเห็นชอบ หรือเพิกถอนการให้ความเห็นชอบแล้วแต่กรณี เพื่อให้ผู้สอบบัญชีของธุรกิจในตลาดหลักทรัพย์ มีความรับผิดชอบ และปฏิบัติงานรักษาไว้ ซึ่งมาตรฐานจรรยาบรรณของผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี