เจ้าหน้าที่สาธารณสุข เชื่อว่า โควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนพุ่งขึ้นสูงสุดแล้วใน 2 รัฐ ที่มีประชากรมากที่สุดของประเทศ ได้แก่ นิวเซาท์เวลส์ และวิกตอเรีย โดยเมื่อวานนี้นิวเซาท์เวลส์มีผู้ติดเชิ้อรายใหม่ 20,324 คน และวิกตอเรียมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 13,091 คน
ขณะที่โรงเรียนทั่วออสเตรเลียเตรียมเปิดการเรียนการสอนในอีกไม่กี่วันข้างหน้า หลังการปิดภาคฤดูร้อน และจุดประเด็นถกเถียงว่า เป็นเวลาที่เหมาะสมหรือไม่ในเมื่อบางรัฐเป็นศูนย์กลางการระบาดในขณะนี้
นายโดมินิก เปอร์รอตเต็ต ผู้ว่าการรัฐนิวเซาท์เวลส์ บอกว่า นักเรียนเรียนได้ดีที่สุดในห้องเรียน และทางรัฐจะทำให้เด็กกลับไปเรียนได้อย่างปลอดภัย โดยกำหนดว่า ผู้ปกครองจะต้องตรวจหาโควิด-19 แบบ Rapid Antigen Test (RAT) สัปดาห์ละ 2 ครั้งแก่เด็กนักเรียน และหากมีผลเป็นบวก ให้รายงานโรงเรียนและรัฐบาลด้วย ทางรัฐเตรียมแจกชุดตรวจกว่า 12 ล้านชุดแก่โรงเรียนประถมและมัธยม โรงเรียนอนุบาลและสถานรับเลี้ยงเด็กรวมกว่า 3,000 แห่ง และนักเรียนจะต้องตรวจก่อนเปิดเรียนวันแรกในวันที่ 1 ก.พ. และการตรวจคัดกรองจะดำเนินต่อเนื่องนาน 4 สัปดาห์
นอกจากนี้รัฐวิกตอเรีย แนะนำให้เด็กนักเรียนต้องตรวจหาโควิด-19 สัปดาห์ละ 2 ครั้งเช่นกัน โดยจะแจกชุดตรวจ 14 ล้านชุดสำหรับตรวจคัดกรองในโรงเรียนประถมและมัธยมนาน 4 สัปดาห์นับจากเปิดเรียนในวันที่ 31 ม.ค.
ทางรัฐนิวเซาท์เวลส์กำหนดให้บุคลากรทั้งหาดและนักเรียนมัธยมปลายต้องสวมหน้ากาก และสนับสนุนให้เด็กชั้นประถมสวมหน้ากากด้วย รวมทั้งจำกัดการปฏิสัมพันธ์ระหว่างนักเรียนต่างชั้นปี จำกัดผู้มาเยี่ยมโรงเรียน นอกจากนี้ทั้งรัฐนิวเซาท์เวลส์ และรัฐวิตกเรียกำหนดให้บุคลากรในโรงเรียนต้องฉีดวัคซีนครบโดส และวิกตอเรียกำหนดเส้นตายให้ครูต้องฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นภายในสิ้นเดือน ก.พ.ด้วย