พรรคฝ่ายค้าน 7 พรรคการเมือง นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 โดยมี ส.ส.ฝ่ายค้านร่วมเข้าชื่อ 173 คน ต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในญัตติเสนออภิปราย 4 กลุ่มประเด็น คือ วิกฤตเศรษฐกิจของแพงค่าแรงถูก วิกฤติโรคระบาดทั้งโควิดและอหิวาต์แอฟริกาในสุกร หรือ ASF วิกฤตการเมืองปฏิรูปการเมืองล้มเหลว ใช้เงินเป็นหลัก ความล้มเหลวการบริหารราชการแผ่นดิน เกิดการทุจริตคอร์รัปชัน ปัญหาสิ่งแวดล้อม ปัญหาเหมืองทองอัครา ที่อนุญาโตตุลาการจะมีการชี้ขาดในคดีข้อพิพาทในวันที่ 31 ม.ค.นี้ ปัญหาชาวประมง เป็นต้น
นายชวน กล่าวว่า ได้หารือภายในเมื่อวันพุธที่ 19 ม.ค.65 เป็นการภายในแล้วว่า ญัตติดังกล่าวจะมีการอภิปรายช่วงกลางเดือนก.พ. ส่วนระยะเวลาที่จะใช้ในการอภิปราย ให้ตัวแทนผู้ควบคุมเสียงของฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้านได้หารือกันต่อไป
สำหรับ ญัตติอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตามมาตรา 152 ทำได้ปีละ 1 ครั้ง เป็นการเสนอเพื่อสอบถามและให้คำแนะนำรัฐบาล แต่ไม่ถึงขั้นอภิปรายไม่ไว้วางใจ เวลาปฏิบัติก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ได้คุยกับผู้นำฝ่ายค้านว่า เราจะรักษามาตรฐานสภา จะนำญัตติดังกล่าวไปตรวจสอบรายชื่อตามวิธีการของสภาให้ถูกต้องตามข้อบังคับ
นพ.ชลน่าน เผยว่า สำหรับการอภิปรายครั้งนี้ เวลาอภิปรายจะใช้เวลาไม่น้อยกว่า 36 ชั่วโมงหลังจากนี้จะมีการหารือต่อวิปรัฐบาลต่อไป พรรคการเมืองฝ่ายค้านคาดหวังเนื้อหาการอภิปรายจะส่งต่อให้กับประชาชนรับทราบ ถึงข้อเท็จจริงของปัญหาที่เกิดขึ้นที่ทำให้เกิดปัญหาของประเทศชาติ และจากความเดือดร้อนที่ประชาชนได้รับนั้นจะส่งผลโดยตรงต่อรัฐบาลจากการกดดันของภาคประชาชน แต่ก็ยอมรับว่ากลไกของสภาครั้งนี้ยากจะเกิดความเปลี่ยนแปลงในสภาฯ
สำหรับเสถียรภาพของรัฐบาล ในมุมมองของพรรคฝ่ายค้าน มองว่า ง่อนแง่นมาโดยตลอด เพราะเป็นรัฐบาลที่อ้างตัวเป็นเสียงข้างมาก แต่แท้จริงแล้วเป็นเสียงข้างน้อยเนื่องจากเป็นเสียงข้างมากได้เพราะเกิดจากการรวมตัวกันเฉพาะกิจ และฟากฝั่งรัฐบาลมีเสียงเหลือเพียง 266 เสียง การเลือกตั้งซ่อมเริ่มมีข้อเท็จจริงออกมาว่าอยู่ด้วยกันเพื่อรักษาผลประโยชน์ แต่ดูข้อเท็จจริงจริงๆ แล้วมองว่ามันไปด้วยกันไม่ได้ และเป็นสัญญาณที่อาจจะทำให้รัฐบาลชุดนี้ไม่สามารถทำงานร่วมกันต่อไปได้