สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรออสเตรียลงมติเมื่อวันที่ 20 ม.ค.ด้วยเสียง 137 เสียงเห็นชอบร่างกฎหมายที่กำหนดให้ประชากรวัยผู้ใหญ่ต้องเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 โดยครอบคลุมประชาชนที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป และมีเสียงคัดค้าน 33 เสียง
ร่างกฎหมายยังต้องรอผ่านการเห็นชอบจากวุฒิสภา และการลงนามโดยประธานาธิบดี อเล็กซันเดอร์ ฟัน แดร์ เบลเลิน ซึ่งเป็นเพียงขั้นตอนทางพิธีการ หลังจากนั้นกฎหมายจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. จนถึงเดือน ม.ค.2567
และตั้งแต่กลางเดือน มี.ค.เป็นต้นไป หากประชากรวัยผู้ใหญ่คนใดยังไม่ได้ฉีดวัคซีน อาจต้องโทษปรับถึง 600 ยูโร หรือกว่า 22,200 บาท แต่หากยื่นอุทธรณ์ในศาลและแพ้ จะมีโทษปรับสูงขึ้นถึง 3,600 ยูโรหรือกว่า 133,200 บาท
ปัจจุบันมีชาวออสเตรีย 72% จาก 8.9 ล้านคนได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว และรัฐบาลจะจัดสรรงบประมาณ 1,400 ล้านยูโรเพื่อกระตุ้นให้คนที่ยังไม่ฉีดวัคซีนเข้ารับการฉีด
โวล์ฟกัง เมิคสไตน์ รัฐมนตรีสาธารณสุขออสเตรีย กล่าวในที่ประชุมสภาว่า กฎหมายบังคับฉีดวัคซีนฉบับนี้เป็นมาตรการครั้งใหญ่ ครั้งแรก และยั่งยืนในการต่อสู้กับการระบาดของโควิด-19
และนายกรัฐมนตรี คาร์ล นีฮัมมาร์ บอกกับผู้สื่อข่าวก่อนการลงมติของสภาว่า วัคซีนเป็นโอกาสที่จะทำให้สังคมได้รับอิสรภาพอย่างยั่งยืนยาวนาน เพราะไวรัสจะไม่สามารถจำกัดเราได้อีก
นับตั้งแต่รัฐบาลประกาศเมื่อเดือน พ.ย. ว่าจะผลักดันกฎหมายบังคับฉีดวัคซีน ก็มีประชาชนออกมาประท้วงในกรุงเวียนนาหลายครั้งแล้ว ซึ่งบางครั้งมีผู้ชุมนุมมากถึงกว่า 40,000 คน
ขณะที่ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์โอมิครอนกำลังทำให้ออสเตรียมียอดผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มสูงขึ้น หลังจากมาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศรอบที่ 4 เพิ่งสิ้นสุดลงเมื่อเดือนที่แล้ว แต่รัฐบาลยืนยันว่าจะพยายามหลีกเลี่ยงการล็อกดาวน์รอบใหม่
มาตรการบังคับฉีดวัคซีนในออสเตรียมีความเข้มงวดที่สุดในสหภาพยุโรปในขณะนี้ ขณะที่อิตาลีบังคับให้คนอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไปต้องฉีดวัคซีน ส่วนกรีซบังคับฉีดวัคซีนสำหรับผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และอีกบางประเทศบังคับฉีดวัคซีนสำหรับบุคคลบางสาขาอาชีพ เช่น บุคลากรการแพทย์ ส่วนรัฐบาลเยอรมนีจะเสนอกฎหมายบังคับฉีดวัคซีนเข้าสู่สภาในเดือน มี.ค.