8 มกราคม 2564 นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า พร้อมแกนนำพรรค เปิดเวทีพบปะสื่อมวลชนระดับบรรณาธิการสื่อต่างๆ เมื่อวันที่ 7 ม.ค. ที่ผ่านมา โดยได้พูดถึงแรงผลักดันที่ทำให้ตัดสินใจตั้งพรรคการเมืองเอง และทำงานการเมืองภายใต้ชื่อพรรคกล้ามาเกือบ 2 ปี ซึ่งก่อตั้งเมื่อวันที่ 14 ก.พ. 2563 ว่า เพื่อให้เป็นพื้นที่ของคนมีความรู้ ความสามารถในสาขาต่างๆ ได้มีโอกาสเข้าสู่การเมือง และใช้ความรู้ความสามารถที่มีในการเปลี่ยนแปลงประเทศ
ทั้งนี้ ส่วนตัวมองว่า การเมืองคือเรื่องปากท้อง ถ้าการเมืองไทยยังเป็นแบบที่เป็นอยู่ ยังไม่เปลี่ยน คนไทยจะเสียโอกาส โดยเฉพาะโอกาสทางเทคโนโลยีที่จะช่วยแก้ปัญหาปากท้องและสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้คนไทย
อย่างไรก็ตาม โลกทุกวันนี้เปลี่ยนแปลงเร็วมาก และก้าวเข้าสู่ยุคบริบทโลกใหม่ โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งทางพรรคมีผู้เชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะ เช่น รองโฆษกพรรค แต่หากการเมืองไทยไม่ปรับตัวสู่ความท้าทายเหล่านี้ จะทำให้ประเทศไทยและคนไทยเป็นเมืองขึ้นทางเศรษฐกิจของประเทศที่พัฒนาทางเทคโนโลยี ตัวอย่างเช่น การค้าขายออนไลน์
"เราอยู่ในแพลตฟอร์มของต่างประเทศทั้งสิ้น ไม่มีแพลตฟอร์มของตัวเอง สิ่งที่สูญเสียทันทีและเห็นได้ชัดที่สุดคือ data หรือข้อมูล เราสูญเสียข้อมูลบุคคล ข้อมูลการตลาดไปให้กับต่างชาติ ที่เป็นเจ้าของแพลตฟอร์มอย่างสิ้นเชิง ทั้งยังเสียโอกาสทางภาษีอีกด้วย" นายกรณ์ กล่าว
นอกจากนี้ ส่วนตัวยอมรับว่าไม่เคยให้ความสนใจยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่จัดทำโดยรัฐบาล คสช. เพราะดูเหมือนคนทำยุทธศาสตร์เองก็ไม่ได้ให้ความสนใจเท่าที่ควร ประกอบกับสถานการณ์ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงเร็วมาก จนกระบวนการกำหนดยุทธศาสตร์แบบนี้เก่าเกินไป ยกตัวอย่างง่ายๆ เมื่อปีที่แล้วไม่มีใครพูดเรื่อง metaverse แต่วันนี้พูดกันมาก เกาหลีใต้ประกาศยุทธศาสตร์ metaverse และต้องมีแพลตฟอร์มตัวเอง ถามว่าเรื่องนี้มีในยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีของประเทศไทยหรือไม่
ขณะเดียวกัน พรรคยังได้เสนอทำยุทธศาสตร์ 20 ปีของทุกจังหวัด เพราะแต่ละจังหวัดมีของดี และมีความแตกต่าง มีจุดเด่น จุดแข็ง และควรสร้างกลุ่ม Key Opinion Leader หรือ KOL ขึ้นมามากๆ เป็นกลุ่มมีความเชี่ยวชาญเรื่องการขายสินค้าทางออนไลน์ ที่ประเทศจีนมีจัดอบรม และมี KOL หลายล้านคน เพื่อช่วยขายสินค้าออนไลน์ของประเทศตัวเอง ซึ่งไทยก็ควรมีบ้าง เพื่อช่วยเปิดตลาดให้เกษตรกร
ส่วนเรื่องกติกาการเลือกตั้งแบบบัตร 2 ใบ ทำให้พรรคใหม่เสียเปรียบ จนสุดท้ายไปต่อไม่ไหว ต้องควบรวมกับพรรคใหญ่ หรือควบรวมกับพรรคใหม่ด้วยกันเองหรือไม่นั้น นายกรณ์ ระบุว่า เรื่องบัตร 2 ใบ ทำให้พรรคต้องเปลี่ยนยุทธศาสตร์ มุ่งความสำคัญไปที่เขตเลือกตั้งที่มีความหวังมากขึ้น แต่ประชาชนยังเลือกพรรคกล้าได้จากบัตรเลือกพรรค (ปาร์ตี้ลิสต์) ในทุกเขต ส่วนอนาคตของพรรคกล้า ขึ้นกับประชาชนว่าจะให้โอกาส และที่เลือกทำการเมืองแบบใหม่ ไม่ใช้เงินซื้อเสียง และไม่ใช้อิทธิพลหรือไม่ ซึ่งการเลือกตั้งซ่อม 3 เขตที่พรรคกล้าส่งผู้สมัครทั้งหมด ก็คงจะทำให้พอมองเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้น ทุกคนในพรรครู้ว่าไม่ใช่งานง่าย แต่ก็จะเดินหน้าต่อไป