ประธานาธิบดีกัซซิม-โยมาร์ต โตกาเยฟ ของคาซัคสถาน ประกาศเช้าวันนี้ว่า เขาได้รับใบลาออกของคณะรัฐมนตรีภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี อัสการ์ มามิน และสั่งให้คณะรัฐมนตรีชุดรักษาการดำเนินมาตรการควบคุมราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว หรือ ก๊าซแอลพีจี ตามเดิม รวมถึงขยายการควบคุมราคาน้ำมันเบนซิน น้ำมันดีเซล และสินค้าบริโภคสำคัญอื่นๆอีกด้วย
การตัดสินใจนี้มีขึ้นหลังจากเกิดการปะทะกันระหว่างตำรวจและผู้ประท้วงหลายพันคนในเมืองอัลมาตี เมืองใหญ่ที่สุดของประเทศเมื่อคืนวันอังคาร และปะทะกันอีกรอบในวันนี้ โดยผู้ประท้วงเรียกร้องให้รัฐบาลลาออกเนื่องจากไม่พอใจที่รัฐบาลยกเลิกการตรึงราคาแอลพีจี ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงที่นิยมใช้ในรถยนต์ทั่วประเทศเมื่อวันที่ 1 ม.ค. และทำให้ราคาพุ่งขึ้นเกินสองเท่าทันที
ตำรวจใช้ทั้งแก๊สน้ำตาและระเบิดแสงสลายผู้ประท้วงที่พยายามบุกสำนักงานของนายกเทศมนตรี แต่มีตำรวจได้รับบาดเจ็บ 95 นายและมีผู้ประท้วงถูกจับกุมกว่า 200 คน แต่ตำรวจไม่ได้รายงานจำนวนผู้บาดเจ็บในกลุ่มผู้ประท้วง
การประท้วงเริ่มขึ้นวันแรกที่จังวัดมังกีย์สตาอูทางภาคตะวันตก ซึ่งเป็นแหล่งผลิตน้ำมันเมื่อวันอาทิตย์ และลุกลามสู่เมืองอื่นๆอย่างรวดเร็ว รวมถึงเมืองอัลมาตี และกรุงนูร์-ซุลตัน เมืองหลวง
จากสถานการณ์ที่เลวร้ายลงทำให้ประธานาธิบดีโตกาเยฟประกาศภาวะฉุกเฉินในเมืองอัลมาตี และจังหวัดมังกีย์สตาอู โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 5 ม.ค.-19 ม.ค.ซึ่งครอบคลุมมาตรการเคอร์ฟิวที่ห้ามออกนอกบ้านในเวลา 23.00 น.-7.00 น. และห้ามการชุมนุม
สื่อรายงานว่า ประธานาธิบดีทวีตตั้งแต่คืนวันอังคารแล้วให้กลับมาใช้มาตรการตรึงราคาแอลพีจี ที่จำกัดไว้ที่ 50 เทงเจคาซัคสถานต่อลิตร หรือ 3.6 บาทต่อลิตร ซึ่งต่ำกว่าครึ่งหนึ่งของราคาตลาดในจังหวัดมังกีย์สตาอู แต่ก็ไม่อาจสร้างความพอใจให้กับผู้ประท้วงที่ยังคงออกมาชุมนุมข้ามคืน