svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

หมอธีระ เตือนอย่าประมาท "โอมิครอน" แม้ป่วยไม่รุนแรง แต่เชื้อยังลงปอดได้

30 ธันวาคม 2564
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

หมอธีระ เตือนอย่าการ์ดตก ไม่กลัว"โอมิครอน" ชี้คนติดเชื้อแบบไม่มีอาการมากกว่าเดลตาหลายเท่า ติดเชื้อแล้วอาการน้อยลง แต่ยังพบเชื้อลงปอด จะประมาทไม่ได้

30 ธันวาคม 2564 รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ หรือ หมอธีระ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ในเพจเฟซบุ๊ก “Thira Woratanarat” ระบุถึงการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน คนติดเชื้อแบบไม่มีอาการมากกว่าเดลตาหลายเท่า แม้ติดเชื้อแล้วอาการน้อยลง ก็ยังคงประมาทและการ์ดตกไม่ได้  มีเนื้อหาดังนี้..

 

 30 ธันวาคม 2564 ทะลุ 284 ล้านไปแล้ว 

เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่มสูงถึง 1,522,377 คน ตายเพิ่ม 6,681 คน รวมแล้วติดไปรวม 284,799,551 คน เสียชีวิตรวม 5,437,930 คน

 

5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุด ยังเป็นเช่นเดิมคือ อเมริกา ฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร สเปน และอิตาลี จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ ซึ่งรวมกันคิดเป็นร้อยละ 92.28 ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 94.46


ล่าสุดจำนวนติดเชื้อใหม่จากทวีปยุโรปนั้นคิดเป็นร้อยละ 56.04 ของทั้งโลก ส่วนจำนวนเสียชีวิตเพิ่มคิดเป็นร้อยละ 56.68 


เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปครอง 7 ใน 10 อันดับแรก และ 14 ใน 20 อันดับแรกของโลก

 

หมอธีระ เตือนอย่าประมาท "โอมิครอน" แม้ป่วยไม่รุนแรง แต่เชื้อยังลงปอดได้

 สำหรับสถานการณ์ไทย 

ระบบรายงานจำนวน ATK ของ DDC ปิดปรับปรุง จึงไม่มีรายงานให้สาธารณะได้ทราบว่าจำนวนมีมากน้อยเพียงใด ลำพังตัวเลขรายงานติดเชื้อในแต่ละวัน เมื่อวาน 2,575 คน ไม่สามารถสะท้อนสถานการณ์ได้อย่างละเอียดพอ


ดังจะสังเกตได้จากหลายประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศที่พัฒนาแล้ว จะมีการรายละเอียดชัดเจน ทั้งจำนวนการตรวจจริงของแต่ละวิธี จำนวนที่ตรวจพบว่าติดเชื้อในแต่ละวิธี ทั้ง RT-PCR และ ATK รวมถึงอัตราการตรวจพบของแต่ละวิธีในแต่ละวัน ซึ่งการให้ข้อมูลลักษณะนี้จะช่วยให้คนในสังคมรู้เท่าทันสถานการณ์ และตระหนักถึงความสำคัญในการประพฤติปฏิบัติ ดำรงชีวิตประจำวันได้อย่างถูกต้อง


ยามวิกฤติยิ่งจำเป็นต้องให้คนในสังคมทราบรายละเอียดให้มากและทันต่อสถานการณ์ !!

 

หมอธีระ เตือนอย่าประมาท "โอมิครอน" แม้ป่วยไม่รุนแรง แต่เชื้อยังลงปอดได้

 อัพเดต Omicron 

ข้อมูลจาก BNO พบว่าตอนนี้มีการระบาดไปแล้วถึง 121 ประเทศทั่วโลก ถือเป็นการขยายวงอย่างรวดเร็วเพียงแค่ 2 เดือนหลังจากที่พบสายพันธุ์ Omicron

 

แล้วการระบาดของ Omicron ทำไมจึงเร็วเช่นนี้?

จากการวิจัยต่างๆ ทั่วโลกที่ผ่านมา พิสูจน์ให้เราทราบแล้วว่า

  • Omicron แพร่ไวกว่าเดิม 4.1 เท่า
  • ติดเชื้อซ้ำในคนที่เคยติดเชื้อมาก่อนได้มากกว่าสายพันธุ์เดิม 3 เท่า
  • แบ่งตัวในหลอดลมมากกว่าสายพันธุ์เดิม 70 เท่า แต่แบ่งตัวในเซลล์ปอดน้อยกว่าเดิม 10 เท่า
  • ดื้อต่อภูมิคุ้มกัน 20-40 เท่า และดื้อต่อการรักษาด้วยโมโนโคลนัล แอนติบอดี้หลายชนิด

 

หมอธีระ เตือนอย่าประมาท "โอมิครอน" แม้ป่วยไม่รุนแรง แต่เชื้อยังลงปอดได้

 

 

Garrett N และคณะ จากแอฟริกาใต้ เผยแพร่ผลการวิจัยใน medRxiv วันที่ 27 ธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา ช่วยให้เข้าใจอีกสาเหตุสำคัญที่น่าจะทำให้ Omicron แพร่กระจายได้เร็วกว่าเดิม

 
งานวิจัยนี้ชี้ให้เห็นว่า การระบาดของ Omicron ในแอฟริกาใต้มีแนวโน้มที่ทำให้คนติดเชื้อแบบไม่มีอาการ (Asymptomatic carriage) มากกว่าเดลต้าหลายเท่า โดยการติดเชื้อแบบไม่มีอาการนั้นตรวจพบว่ามีปริมาณไวรัสสูงในโพรงจมูกและน่าจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่อธิบายว่า Omicron แพร่อย่างรวดเร็วกว่าเดิม เพราะมีกลุ่มคนติดเชื้อแบบไม่มีอาการมากขึ้น และแพร่ให้คนอื่นๆ ระหว่างการดำรงชีวิตประจำวันโดยไม่รู้ตัวทั้งผู้แพร่เชื้อและผู้รับเชื้อ

 

หมอธีระ เตือนอย่าประมาท "โอมิครอน" แม้ป่วยไม่รุนแรง แต่เชื้อยังลงปอดได้


ส่วนเรื่องความรุนแรงของโรคที่ดูจะลดลงจากการดูสถิติหลายประเทศทั่วโลกในแง่จำนวนผู้ติดเชื้อที่ป่วยรุนแรงและจำนวนการเสียชีวิตนั้น มีการอธิบายด้วยเหตุผลคือ Omicron ระบาดในช่วงที่ประชากรจำนวนไม่น้อยที่มีภูมิคุ้มกันระดับหนึ่งแล้ว ไม่ว่าจะมาจากวัคซีน หรือจากการติดเชื้อมาก่อน ทำให้พอติดเชื้อแล้วจะมีโอกาสป่วยรุนแรงลดลงกว่าเดิม 


นอกจากนี้ในแง่ของตัวไวรัสเอง ก็ได้รับการศึกษาแล้วชี้ให้เห็นว่าน่าจะมีความรุนแรงลดลงด้วย (intrinsic severity) บางรายงานคาดว่าราว 2-12% และมีงานวิจัยอีกอย่างน้อย 5 ชิ้นใน 4 ประเทศ ที่ศึกษาในหลอดทดลอง และในสัตว์ (หนูแฮมสเตอร์) ที่พบว่า Omicron ติดเชื้อในเซลล์ปอดได้น้อยกว่าสายพันธุ์เดิม 


ทั้งนี้ในเรื่องความรุนแรงของโรค จำเป็นต้องติดตามศึกษาในมนุษย์อย่างละเอียดเพียงพอเสียก่อน จึงจะสามารถสรุปได้ คงต้องรอติดตามความรู้ที่จะออกมากันต่อไป

 

“ ขอให้ใช้ชีวิตอย่างมีสติ ป้องกันตัวเองและครอบครัว ใส่หน้ากากเสมอ อยู่ห่างจากคนอื่นเกินหนึ่งเมตร เลี่ยงตะลอนท่องเที่ยว เลี่ยงการปาร์ตี้สังสรรค์กับคนนอกครอบครัว หากมีอาการไม่สบายคล้ายหวัด ให้นึกถึงโควิดด้วยและรีบไปตรวจ ” นพ.ธีระ ระบุในตอนท้าย

 

หมอธีระ เตือนอย่าประมาท "โอมิครอน" แม้ป่วยไม่รุนแรง แต่เชื้อยังลงปอดได้

ที่มา : เฟซบุ๊ก Thira Woratanarat และ เครดิตภาพ: Topol E.

logoline