วันนี้ (21 ธ.ค.) พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งเตือนประชาชนให้ระมัดระวังอาชญากรรมในรูปแบบของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่นอกจากจะแอบอ้างเป็นตำรวจ หรือหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายแล้ว ยังอ้างว่าบัญชีธนาคารของประชาชนมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด หรือพัสดุที่ส่งไปต่างประเทศมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องผิดกฎหมาย เช่น ยาเสพติด ค้ามนุษย์ ฯลฯ ต้องโอนเงินในบัญชีธนาคารมาให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ ซึ่งล่าสุดมีการพัฒนารูปแบบไปถึงการปลอมหมายเรียกของพนักงานสอบสวน เพื่อใช้ทำให้เหยื่อเกิดความหวาดกลัวว่า จะถูกดำเนินคดี จึงหลงกลโอนเงินไปยังบัญชีมิจฉาชีพ
สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงแจ้งเตือนไปยังประชาชนถึงวิธีการตรวจสอบเบื้องต้นว่า เอกสารดังกล่าวเป็นหมายเรียกของพนักงานสอบสวนจริงหรือไม่ ดังนี้
1. ชื่อ นามสกุล และที่อยู่ ที่ปรากฏบนหมายเรียกตรงกับชื่อ นามสกุล และที่อยู่ตามทะเบียนบ้านของท่านหรือไม่
2. สถานีตำรวจหรือหน่วยงานที่ออกหมาย มีอยู่จริงหรือไม่ โดยสามารถตรวจสอบได้ที่ https://www.royalthaipolice.go.th/station.php
3. หมายเรียกของตำรวจ ไม่จำเป็นต้องมีตราประทับใด ๆ ปรากฏอยู่บนหน้าหมาย จะมีเพียงลายมือชื่อของพนักงานสอบสวนปรากฏอยู่บนหมายเท่านั้น
4.ตรวจสอบว่ามีพนักงานสอบสวนที่ลงลายมือชื่อ อยู่ที่หน่วยงานดังกล่าวจริงหรือไม่ โดยสามารถตรวจสอบรายชื่อและหมายเลขโทรศัพท์สถานีตำรวจได้ที่ https://www.royalthaipolice.go.th/station.php และแอปพลิเคชัน “สมุดโทรศัพท์ตำรวจ”
5. เมื่อตรวจสอบกับหน่วยงานที่ออกหมายแล้วว่ามีพนักงานสอบสวนคนดังกล่าวจริง ให้ขอหมายเลขโทรศัพท์ของพนักงานสอบสวนเพื่อสอบถามรายละเอียดเบื้องต้นและนัดหมายวันเวลาในการเข้าพบพนักงานสอบสวน
6. ระมัดระวังการติดต่อหมายเลขโทรศัพท์ที่ปรากฏบนหน้าหมาย เพราะอาจเป็นหมายเลขโทรศัพท์ของคนร้าย
7.อย่าโอนเงินในบัญชีของท่านไปให้ บุคคลที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือเจ้าหน้าที่ราชการใด ที่ขอตรวจสอบเงินในบัญชีของท่าน อย่างเด็ดขาด
หากประชาชนพบว่ามีคนร้ายแอบอ้างหมายเรียกของพนักงานสอบสวนเพื่อใช้ในการหลอกลวง หรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับหมายเรียกของพนักงานสอบสวน สามารถแจ้งเบาะแสและสอบถามข้อมูลได้ที่ สายด่วน 191 หรือ สายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง