20 ธันวาคม 2564 ศาลาประชาคมบ้านบ้านห้วยแล้ง หมู่ 14 ต.คำแคน อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น ถูกจัดตั้งขึ้นเป็นศูนย์ปฏิบัติการค้นหาบุคคลสูญหาย เพื่อเป็นบัญชาการในการค้นหานายพัชลอง เกศสุระ อายุ 37 ปี ชาวบ้านห้วยแล้ง หมู่ 14 ต.คำแคน อ.มัญจาคีรี ที่ออกจากบ้านขึ้นไปหาของป่าบนเขาภูเม็ง ที่อยู่ห่างจากหมู่บ้านประมาณ 3 กิโลเมตร ตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่กลับเข้ามาบ้าน ซึ่งชาวบ้านและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ระดมกำลังออกปูพรมค้นหาตั้งแต่วันที่แรกๆ ที่หายตัวไป แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่พบตัวของนายนายพัชลองฯ พบเพียงรถจักรยานยนต์ที่ผู้สูญหายขับไป จอดอยู่บริเวณป่ามันสำปะหลัง ใกล้หมู่บ้าน ทำให้วันนี้อำเภอมัญจาคีรี โดยนายณรงค์ฤทธิ์ ลาสะอาด ปลัดอำเภอมัญจาคีรี ร่วมกับกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน ได้ร่วมกันจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการค้นหาบุคคลศูนย์หาย โดยมีการระดมเจ้าหน้าที่กู้ชีพกู้ภัยทั้งในขอนแก่นและจังหวัดใกล้เคียง อาสาสมัครชาวบ้าน รวมทั้งขอความช่วยเหลือไปยังเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติน้ำพอง เพื่อร่วมกันวางแผนการค้นหาและปฏิบัติการค้นหาอย่างมีระบบ
นายณรงค์ฤทธิ์ ลาสะอาด ปลัดอำเภอมัญจาคีรี กล่าวว่า แผนการค้นหาในรอบนี้ ได้กำหนดกรอบระยะเวลาในการค้นหาไว้ 7 วัน ตั้งแต่วันที่ 20 – 27 ธันวาคม 2564 โดยการค้นหาจะมุ่งเน้นไปที่จุดที่ยังได้ค้นหา คือ ผาวิน ดงใหญ่ และถ้ำพระ ซึ่งคาดว่าตัวผู้สูญหายเคยไป มีการจัดกำลังพลที่มีความคล่องตัว เพื่อเดินขึ้นเขาตามหา ประกอบด้วย นายพราน เจ้าหน้าที่อุทยานฯ และเจ้าหน้าที่กู้ชีพกู้ภัย ถ้ำพระ เบื้องต้น ชุดค้นหาจะขึ้นไปบนจุดที่ยังไม่ได้ขึ้นไป แล้วเดินไล่ลงมาจากจุดที่พบมอเตอร์ไซค์ ซึ่งเป็นห้วยซับม่วง ไล่หาลงมาจนถึงบ้านหนองขาม ที่มีเบาะแสว่าพบครั้งสุดท้าย ในวันที่ 5 ธันวาคม และจะค้นหาที่ดอนปู่ตา ซึ่งหากผู้สูญหายเสียชีวิต ก็น่าจะได้กลิ่นบ้าง เพราะเจ้าหน้าที่ได้เดินหาอย่างละเอียดในรัศมีที่เคยไป โดยปกติคนที่หลงทาง จะเดินไปตามทาง เว้นแต่กรณีที่ไม่มีชีวิตแล้วซึ่งอาจจะโดนสัตว์ทำร้ายหรือเกิดอุบัติเหตุ ส่วนประเด็นที่มีคนสงสัยว่า ผู้สูญหายอาจไปอยู่กับหญิงสาวหรือคนสนิทหรือไม่นั้น จากการส่งคนไปดู ไปตรวจสอบแล้ว ก็ยังไม่พบตัวหรือเบาะแสใดๆ
นายณรงค์ฤทธิ์ กล่าวอีกว่า ตอนนี้ทางอำเภอยังไม่ได้มีการร้องขอความช่วยเหลือด้านเครื่องมือหรืออุปกรณ์ค้นหาไปทางจังหวัด เพราะการร้องขอต้องมีเป้าหมาย คือต้องมีเบาะแสหรือสิ่งบ่งชี้ว่า ผู้สูญหายอยู่จุดนี้ที่ เพราะสถานการณ์นี้ต่างจากเหตุการณ์ “13 หมูป่า” ที่ติดในถ้ำ แบบนี้ชัดเจนว่าต้องการเครื่องมืออะไรบ้าง เราจะต้องการเครื่องมือขนาดไหน ไม่ว่าจะเป็น เครื่องสูบน้ำ แต่นี่เราไม่รู้ว่าผู้สูญหายอยู่ที่ไหน เราเลยไม่รู้ว่าจะขอเครื่องมือแบบไหนมาช่วย แต่สิ่งที่จำเป็นขณะนี้คือ การสนับสนุนอาหารและเครื่องดื่ม ถ้าใครไม่สะดวกซื้อของมา ก็เป็นเงินเพราะตอนนี้เราตั้งศูนย์บริจาค โดยให้คณะกรรมการหมู่บ้าน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เป็นผู้บริหารและจัดการในการรับบริจาค ซึ่งเบื้องต้นในตำบลคำแคน นำโดยผู้นำหมู่บ้านได้นำสิ่งของมาบริจาคจำนวนหนึ่งเพื่อจะช่วยเหลือ
ด้านนางบุญเลิศ เกศสุระ พี่สาวของผู้สูญหาย เล่าว่า วันที่น้องชายหายไป ตนเองไปซื้อไข่อยู่ที่ อ.หนองเรือ กลับมาบ้านจึงทราบว่าน้องหายไป ก็ตามหากันทุกวัน จนถึงวันนี้ครบ 20 วันแล้ว นี้ก็ยังไม่พบตัวน้อง ช่วงแรกๆ ที่น้องไม่กลับเข้าบ้าน ก็โทรศัพท์ไปหา ปรากฏว่าโทรติด แต่ไม่มีคนรับสาย พอโทรอีกครั้งก็ติดต่อไม่ได้ หลังจากนั้นชาวบ้านก็ช่วยกันตามหา กระทั้งไปพบรถจักรยานยนต์จอดอยู่ไร่มันสำปะหลัง ใกล้หมู่บ้าน จึงสันนิษฐานว่า น้องเข้าไปในป่าบนเขาภูเม็ง เพราะปกติน้องก็มักจะไปแบบนี้ แต่จะไปแค่ 3-4 วัน ก็จะกลับมาบ้าน โดยของที่นำติดตัวไปก็มีเปล ยากันยุง มุ้ง ผ้าห่ม และโทรศัพท์มือถือ
นางบุญเลิศ กล่าวอีกว่า ตอนนี้สิ่งที่ทางครอบครัวพอจะทำได้ควบคู่ไปกับการค้นหาของเจ้าหน้าที่ ก็คือ ไปดูดวงชะตากับพระที่ที่มีชื่อเสียง ก็บอกว่าให้ทำพิธีเปิดทางเปิดป่าให้น้องชายได้ลงมา แต่ก็ยังไม่เป็นผล ไปมาแล้ว 4 - 5 วัด ก็ยังไม่พบเบาะแสใดๆ แต่ทุกวัดบอกตรงกันว่า น้องชายยังมีชีวิตอยู่ ยังไม่ตาย แต่ที่ค้นหาไม่พบ เพราะถูกผีป่าผีเขาบังตาและซ่อนน้องชายเอาไว้ ส่วนข้อสงสัยที่ว่าน้องชายอาจไปติดพันธ์หญิงสาวที่ไหนหรือไม่ ก็ไม่มี เพราะน้องชายไม่เคยจีบสาว หรือข้องเกี่ยวกับ น้องชายเป็นคนที่ไม่ค่อยออกไปไหนกับคนอื่น เป็นคนไม่ค่อยพูด เหล้ายาก็ไม่แตะ แม้วันนี้จะยังไม่พบตัว แต่คนในครอบครัวก็ยังมองในแง่ดี และให้กำลังใจกันและกัน รวมทั้งให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และชาวบ้านทุกคนที่ช่วยกันตามหาน้องชาย
โดย – กฤศเมธ โลโห