อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ วิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ ระบุ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของสหกรณ์ภาคการเกษตร ซึ่งในปี 2564 ที่ผ่านมาปริมาณธุรกิจสหกรณ์ภาคการเกษตรลดลงกว่า 7,555 ล้านบาท เนื่องจากไม่สามารถจำหน่ายผลผลิตการเกษตรได้เหมือนเช่นสถานการณ์ปกติ รวมถึงผู้ส่งออก ชะลอการรับซื้อสินค้าจากสหกรณ์เพื่อส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศ ขณะที่สมาชิกสหกรณ์ส่วนหนึ่งต้องกู้เงินจากสหกรณ์ที่ตัวเองสังกัด หรือแหล่งเงินกู้ทั้งในระบบและนอกระบบ เพื่อนำมาลงทุนทำการเกษตร ส่งผลให้สมาชิกสหกรณ์ภาคการเกษตรมีภาระหนี้สินเพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ ที่ผ่านมากรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้เข้าไปช่วยเหลือแก้ไขปัญหาหนี้สินของสมาชิกสหกรณ์ภาคการเกษตรและกลุ่มเกษตรกรผ่าน 3 โครงการหลัก คือ โครงการช่วยเหลือด้านหนี้สินสมาชิกสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร โดยลดดอกเบี้ยเงินกู้ให้กับสมาชิก
สหกรณ์/กลุ่มเกษตรกรที่มีหนี้เงินกู้จากการทำการเกษตร ซึ่งมีต้นเงินกู้ขอรับการชดเชยไม่เกิน 3 แสนบาทแรก อัตรา 3% เป็นระยะเวลาชดเชยดอกเบี้ย 1 ปี
นอกจากนี้ ยังได้ดำเนินโครงการแก้ไขปัญหาหนี้ค้างชำระของสมาชิกสหกรณ์ โดยจัดอบรมถ่ายทอดความรู้แก่ฝ่ายจัดการของสหกรณ์ 741 แห่ง 3,920 ราย ให้มีความรู้ความเข้าใจในการบริหารจัดการธุรกิจสินเชื่อที่มีประสิทธิภาพ แก้ไขปัญหาหนี้ค้างชำระของสมาชิก และส่งเสริมให้สมาชิกมีความรู้ในการบริหารจัดการหนี้ของตนเอง รู้จักวางแผนทางการเงิน สามารถชำระหนี้ค้างได้ และเสริมสร้างอาชีพเสริมให้สมาชิก 2,496 ราย
มาตรการที่ 3 เป็นการช่วยเหลือบรรเทาภาระหนี้ให้แก่สมาชิกสหกรณ์และสหกรณ์ท โดยกรมส่งเสริมสหกรณ์ได้ออกประกาศนายทะเบียนสหกรณ์ ให้สหกรณ์ใช้เป็นแนวทางในการช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของสมาชิกสหกรณ์ โดยขอความร่วมมือสหกรณ์ผ่อนผันการชำระหนี้ให้กับสมาชิก ทั้งขยายเวลาชำระหนี้หรือพักชำระหนี้เป็นการชั่วคราว รวมถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ และการปรับปรุงโครงสร้างหนี้
ผลจากการให้ความช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของสมาชิกในปี 2564 มีสหกรณ์ที่เข้าร่วมมาตรการช่วยเหลือบรรเทาหนี้ให้สมาชิก 3,994 แห่ง โดยพักชำระหนี้ให้สมาชิก 261,009 ราย มูลหนี้รวม 63,710 ล้านบาท