svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

ผู้แทนUNODCชี้ยาเสพติดกลับมาระบาดหลังโควิดทรงตัว

02 ธันวาคม 2564
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ผู้แทนสำนักงานยาเสพติดและอาชญากรรม แห่งยูเอ็น ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิก ชี้หลังจากที่สถานการณ์โควิดเริ่มคงที่ ยาเสพติดก็กลับมาเช่นเดิม และขยายตัวเพิ่มมากขึ้น เห็นได้จากปริมาณยาเสพติดที่จับกุมได้ในประเทศไทย และเพื่อนบ้าน

สถานการณ์ยาเสพติด มีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดโดยเริ่มตั้งแต่ ปี 2011 จนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะการลักลอบผลิตสารสังเคราะห์หรือไอซ์ ในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ โดย นายเจเรมี ดักลาส (Mr. Jeremy Douglas) ผู้แทนสำนักงานยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิก กล่าวว่า เหตุการณ์สำคัญเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้น ในปี 2019 – 2021 ที่ผ่านมา แต่หลังจากที่สถานการณ์โควิด-19 เริ่มคงที่ ยาเสพติดก็กลับมาเช่นเดิม และขยายตัวเพิ่มมากขึ้น โดยเห็นได้จากมีปริมาณยาเสพติดที่จับกุมได้มากขึ้น ซึ่งไม่ใช่เฉพาะพื้นที่ในประเทศไทย รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านและประเทศอื่นๆ ด้วย

 

อย่างไรก็ตาม ทุกประเทศมีความร่วมมือกันเป็นอย่างดี ซึ่ง UNODC นอกจากจะมีความร่วมมือกับประเทศไทยและประเทศต่างๆ และมีความร่วมมือภายใต้โครงการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น โครงการ MOU แม่น้ำโขง โครงการเซฟแม่โขงปลอดภัย

 

โดย UNODC มีจุดเน้นงานที่จะร่วมมือกันในภูมิภาค คือ ความร่วมมือในการควบคุมพื้นที่และสกัดกั้นสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ตามแนวชายแดน เพื่อไม่ให้มีการลักลอบการนำเข้า-ส่งออก ในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ รวมถึงในเรื่องของการส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพของเจ้าหน้าที่

ผู้แทนUNODCชี้ยาเสพติดกลับมาระบาดหลังโควิดทรงตัว

นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) กล่าวว่า ไทยมีเขตแดนติดกับแหล่งผลิตยาเสพติดสำคัญในสามเหลี่ยมทองคำ ประกอบกับไทยเป็นศูนย์กลางทางการคมนาคมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีเส้นทางการขนส่งที่สะดวกและทันสมัยทั้งทางบก และทางอากาศ ทำให้เอื้อต่อเครือข่ายยาเสพติดข้ามชาติเข้ามาแสวงประโยชน์โดยใช้ประเทศไทยเป็นพื้นที่ลำเลียงผ่านไปยังประเทศที่3 เช่น ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฮ่องกง ไต้หวัน นิวซีแลนด์ ฟิลิปปินส์

 

นโยบายของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เน้นย้ำเรื่องความร่วมมือระหว่างประเทศ โดยให้ ป.ป.ส. ทำงานเชิงรุกสกัดกั้นและปรามปรามยาเสพติด สำคัญ ๆ ได้แก่ ศูนย์ประสานงานแม่น้ำโขงปลอดภัยใน 6 ประเทศภาคี คือ ไทย เมียนมา สปป.ลาว กัมพูชา จีน และเวียดนาม โดยแผนปฏิบัติการร่วมสามเหลี่ยมทองคำ 1511  มีระยะ 4 ปี (พ.ศ. 2562 - 2565) ซึ่งในปี 2563 ยึดยาบ้า รวม 447 ล้านเม็ด ไอซ์กว่า 34 ตัน เฮโรอีน 3.8 ตัน คีตามีน 1.07 ตัน เคมีภัณฑ์ 257.3 ตัน 

 

โครงการความร่วมมือปราบปรามยาเสพติดระหว่างท่าอากาศยานนานาชาติและท่าเรือของอาเซียน ได้จัดตั้งชุดปฏิบัติการ AIRPORT ITERDICTION TASK FORCE (AITF) และ SEAPORT ITERDICTION TASK FORCE (SITF) เพื่อสนธิกำลังสกัดกั้นการลักลอบลำเลียงยาเสพติด โดยในปี พ.ศ. 2564 สามารถสกัดกั้นยาเสพติดที่เตรียมส่งออกต่างประเทศ เช่น ทางเรือรวม 7 คดี รวมปริมาณของกลางยาเสพติด ไอซ์ 85.6 กิโลกรัม เฮโรอีน 528 กิโลกรัม โดยการขนส่งทางบก รวม 87 คดี รวมปริมาณของกลาง ไอซ์ 81 กิโลกรัม เฮโรอีน 39.4 กิโลกรัม

ผู้แทนUNODCชี้ยาเสพติดกลับมาระบาดหลังโควิดทรงตัว

เลขาธิการ ป.ป.ส. บอกว่า ยังมีโครงการความร่วมมือของหน่วยปราบปรามยาเสพติดระหว่างประเทศ เพื่อประสานการข่าว ประสานคดี และความร่วมมือในการบังคับใช้กฎหมายทางอาญาและยาเสพติด โดยปัจจุบันมีอยู่ 25 ประเทศ อาทิ อิตาลี ญี่ปุ่น เกาหลีใต้  เนเธอแลนด์ นอร์เวย์ รัสเซีย สเปน สวีเดน สวิตเซอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา เป็นต้น

ผู้แทนUNODCชี้ยาเสพติดกลับมาระบาดหลังโควิดทรงตัว
ด้านนายไซม่อน ลาลิค ( Mr. Simon Lalic) เจ้าหน้าที่อาวุโส สำนักงานตำรวจสหพันธ์ออสเตรเลีย กล่าวว่า AFP มีความร่วมมือกับสำนักงาน ป.ป.ส. มาเป็นระยะเวลานานแล้ว โดย ล่าสุด เมื่อ 10 วันที่แล้ว จากกรณีการจับกุมและยึดเฮโรอีน 314 กก. จากท่าเรือแหลมฉบัง ปลายทางออสเตรเลีย ได้ด้วยการสืบสวนสอบสวนร่วมกัน ซึ่งสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 ราย โดยส่งตัวผู้กระทำผิดไปดำเนินคดีที่ประเทศออสเตรเลีย ซึ่ง 1 ในนั้นเป็นเป้าหมายนักค้ายาเสพติดรายสำคัญที่ออสเตรเลียต้องการ

 

ความสำเร็จนี้จะเป็นไปไม่ได้ถ้าขาดความร่วมมือจาก ป.ป.ส. และรัฐบาลไทย ขอขอบคุณและชื่นชมรัฐบาลไทยที่สืบสวนหาคนส่งล็อตยาไปออสเตรเลียได้ เป็นความร่วมมือข้ามแดนระหว่างกันที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ผู้แทนUNODCชี้ยาเสพติดกลับมาระบาดหลังโควิดทรงตัว

ส่วน นาย มิน ที นูเวน  (Mr. Minh T. Nguyen) หัวหน้ากลุ่มสืบสวน สำนักงานปราบปรามยาเสพติด สหรัฐอเมริกา ประจำภูมิภาคตะวันออกไกล กล่าวว่า DEA ทำงานร่วมกับทางการไทยมาอย่างยาวนานมาตั้งแต่ ค.ศ. 1963 ซึ่งนั่นเป็นเวลาถึง 10 ปีก่อนที่ DEA จะก่อตั้งอย่างเป็นทางการ ซึ่งประเทศไทยถือว่ามีความโดดเด่น และมีความร่วมมือในระดับที่ดีมาก

 

ทั้งนี้ การร่วมมือดังกล่าวเป็นประโยชน์อย่างมากต่อประเทศเพื่อนบ้านและประเทศอื่นๆ อันที่จริงแล้วเราทำงานร่วมกับ สำนักงาน ป.ป.ส. ทุกวัน โดยเรายังส่งเจ้าหน้าที่ ผู้เชี่ยวชาญการสืบสวนสอบสวนด้านการเงิน มาประจำที่สำนักงาน ป.ป.ส. เพื่อส่งเสริมงานสืบสวนร่วมกัน นั่นเพราะว่าองค์กรอาชญากรรม นั้นเรามีความจำเป็นต้องทำงานร่วมกันเพื่อจัดการปัญหาดังกล่าว

 

เช่นเดียวกันกับการสกัดกั้นสารตั้งต้นก่อนที่จะเข้าไปสู่แหล่งผลิต เพราะหากไม่มีสารตั้งต้นก็ไม่สามารถผลิตยาเสพติดได้ DEA  ยังให้ความสำคัญกับการจัดการการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน ซึ่งเราได้ร่วมกับ สำนักงาน ป.ป.ส. เสมอมา โอกาสนี้ขอขอบคุณเลขาธิการ ป.ป.ส. ที่ให้โอกาส DEA ได้พูดถึงความร่วมมือที่เราทำงานร่วมกัน

 

logoline