29 พฤศจิกายน 2564 นายนิยม จันทร์เยี่ยม ผอ.สนง.กกต.อุตรดิตถ์ เปิดเผยว่า การเลือกตั้ง นายกองต์การบริหารส่วนตำบล (นายกอบต.) และ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล (ส.อบต.) ที่จัดการเลือกไปเมื่อวันที่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมา ทั้ง 53 แห่ง 9 อำเภอ ของจ.อุตรดิตถ์ แบ่งเป็น นายกอบต. 53 ตำแหน่ง และ ส.อบต. 475 ตำแหน่ง มีผู้สมัครเป็น นายกอบต. จำนวน 129 คน ผู้สมัครเป็น ส.อบต. จำนวน 1,107 คน การจัดการเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
ประชาชนมาใช้สิทธิ์คึกคักและมากกว่าการเลือกตั้ง อบจ. และ เทศบาล จากจำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง นายกอบต. และ ส.อบต. รวม 227,509 คน มาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ร้อยละ 70 ประชาชนให้ความสนใจและตื่นตัวกับเรื่องการพัฒนาท้องถิ่นของตนเองมากขึ้น หลังห่างหายการเลือกตั้ง 8 ปี หลังการทราบผลการเลือกเลือกตั้ง คาดว่าจะมีเรื่องร้องเรียนมายัง กกต. อยู่บ้าง
นายนิยม กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่ผู้สมัครต้องดำเนินการหลังเลือกตั้งคือ การจัดทำบัญชีค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้ง ที่ต้องรายงานต่อ กกต. ทุกคนภายใน 90 วันหลังเลือกตั้ง ส่วนผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งเป็นผู้บริหารต้องรายการบัญชีทรัพย์สินต่อ ปปช. หากมีข้อสงสัยเรื่องของเอกสาร สอบถามที่ กกต.จังหวัด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากผลการเลือกตั้งในส่วนของ นายกอบต.ทั้ง 53 แห่งของ จ.อุตรดิตถ์ อย่างไม่เป็นทางการ พบว่า ที่นายกฯหน้าเก่าและหน้าใหม่ ในสัดส่วน 50 ต่อ 50 มีล้มช้างในหลายพื้นที่ เช่น ตำบลขุนฝาง อ.เมืองอุตรดิตถ์ นายศรายุทธ ทิอ่อน อดีตนายกอบต.ขุนฝาง และ ประธานชมรมนายก อบต.อุตรดิตถ์ พ่ายให้กับนายไพศาล หรรษไพบูลย์ อดีตกำนัน ต.ขุนฝาง ,นายวิรัตน์ อ้วนสะอาด พ่ายให้กับนายจำนง บุญน้อย ผู้สมัครหน้าใหม่ , นายศิลปะชัย ถาวรพัฒนาสกุล อดีตนายกอบต.ในเมือง อ.พิชัย พ่ายให้กับนายสำเนา แจ่มแจ้ง ผู้สมัครนายกอบต.หน้าใหม่
ขณะเดียวกันยังมีอดีต ส.อบจ. ที่ลงสมัครและได้รับเลือกตั้ง เช่น นายเฉลียว ลาบรรเทา ได้รับเลือกเป็นนายกอบต.หาดงิ้ว อ.เมืองอุตรดิตถ์, นายสมชาย บุตรที ได้รับเลือกเป็น นายกอบต.นาขุม อ.บ้านโคก
อย่างไรก็ตามภาพโดยรวมของผลการเลือกตั้งทั้ง นายกฯและ สมาชิก อบต. คนสนิท แกนนำ ในส่วนของกลุ่มนักการเมืองพรรคเพื่อไทยในพื้นที่ ยังคงได้สัดส่วนที่นั่งเป็นส่วนใหญ่
ด้านนายศรยุทธ ทิอ่อน อดีตนายกอบต.ขุนฝาง และ ประธานชมรมนายกอบต.อุตรดิตถ์ กล่าวว่า เคารพในเสียงของประชาชนที่ตัดสินใจเลือกผู้นำในครั้งนี้ ผู้สมัครที่ได้รับเลือกตั้งก็ไม่ทำผิดกฎหมายเลือกตั้งอะไร ยอมรับว่า การพ่ายแพ้ครั้งนี้ น่าจะเป็นเพราะสื่อโซเชียลที่มีการติดตามข้อมูลของผู้สมัครแต่ละบุคคล โดยเฉพาะเรื่องของการเคลื่อนไหวในพื้นที่ การพ่ายแพ้ครั้งนี้คงไม่เล่นการเมืองอีกแล้ว คงต้องหันไปประกอบอาชีพอย่างอื่น