สธ.เช็กความพร้อม รับมือระบาดระลอกใหม่ได้

26 พฤศจิกายน 2564 นพ.ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์  เปิดเผยถึงสถานการณ์เตียงโควิด-19 ในกทม.และปริมณฑล ทุกสังกัดมีความเพียงพอ และแนวโน้มสถานการณ์เตียงและผู้ป่วยในกรุงเทพมหานคร และปริมณฑลมีความผ่อนคลายมากขึ้น การส่งต่อผู้ป่วยระหว่างโรงพยาบาลเป็นไปได้อย่างราบรื่น โรงพยาบาลทุกสังกัด ยังมีศักยภาพในการดูแลผู้ป่วยโควิดที่ยังคงไว้บางส่วน พร้อมกลับมาเปิดให้บริการผู้ป่วยปกติ รวมถึงผู้ป่วยที่ถูกเลื่อนผ่าตัดในช่วงโควิด-19ที่ผ่านมา 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง >> อภ.เผย 27 พ.ย.นี้ วัคซีนโมเดอร์นาถึงไทยอีก จำนวน 1,382,500 โดส

ขณะที่ภาพรวม เตียงโควิด-19 ทั่วประเทศ มีเตียงกว่า 2 แสนเตียง โดยมีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาเพียงร้อยละ30  หากดูสถานการณ์เตียงใน กทม. ขณะนี้มีเตียงรองรับผู้ป่วยโควิดกว่า 3 หมื่นเตียง จากเดิมที่มี 5 หมื่นเตียงซึ่งเป็นช่วงที่มีการแพร่ระบาดสูง แต่ตอนนี้สถานการณ์ดีขึ้นแล้ว ทำให้จำนวนเตียงลดลงในบางส่วน

ซึ่งส่วนหนึ่งผู้ป่วยเข้าสู่ระบบการรักษาตัวที่บ้าน ขณะเดียวกันเตียงโควิดในภาคเอกชนมีอยู่กว่าสองหมื่นเตียง ทั้งโรงพยาบาลสนาม และฮอทพิเทล ซึ่งภาคเอกชนถือเป็นตัวช่วยหลักในการเตรียมรองรับผู้ป่วยโควิด

โดยขณะนี้ผู้ติดเชื้อใน กทม. เฉลี่ยต่อวันประมาณ 600-700 คน วันนี้มีการบริหารจัดการเตียงในรูปแบบจับคู่โรงพยาบาลหลัก และมีการส่งต่อไปยังโรงพยาบาลสนามหรือฮอทพิเทลของภาคเอกชน เช่น หากตรวจพบที่โรงเรียนแพทย์  อย่างที่ศิริราช  รามา จุฬา หากมีอาการก็จะถูกส่งต่อไปยังโรงพยาบาลเอกชนที่จับคู่กับโรงเรียนแพทย์ไว้

หากผู้ติดเชื้อโควิด-19 มีอาการหนัก หรือภาวะแทรกซ้อน ก็จะถูกตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลรามา ซึ่งจะรับดูแลผู้ป่วยโควิด อาการหนัก  ทั้งนี้กลุ่มโรงเรียนแพทย์จะเน้นรักษาผู้ติดเชื้ออาการหนัก ส่วนรพ.เอกชนจะดูแลรักษาผู้ป่วยอาการไม่หนัก

ขณะที่โรงพยาบาลในสังกัดกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข เช่น โรงพยาบาลราวิถี ยังคงมีเตียงไอซียู ดูแลผู้ป่วยโควิดอาการหนัก และหอผู้ป่วยโควิดที่ยังคงไว้อยู่ ที่ดูแลผู้ป่วยสีแดง เหลือง ขณะที่โรงพยาบาลเลิดสิน มีเตียงไอซียู และโรงพยาบาลสนามดูแลผู้ป่วยโควิด ที่ตอนนี้มีผู้ป่วยอยู่ 38 คน จาก 200 เตียง   

โดยในส่วนโรงพยาบาลเลิดสินจะดูแลผู้ป่วยโควิดที่ถูกส่งต่อมาจากโรงพยาบาลสังกัดกรมการแพทย์ทั้งหมด หากมีอาการหนักผู็ป่วยที่รักษาในโรงพยาบาลเลิดสินจะถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลหลัก 

ส่วนขณะนี้โรงพยาบาลสนามในภาคเอกชนที่มีอยู่ เช่น กลุ่มโรงพยาบาลเครือบางปะกอก โรงพยาบาทสนามปิยะเวท โรงพยาบาลสนามกลุ่มธนบุรี ซึ่งการทำงานขณะนี้เป็นการทำงานแบบบูรณาการ ทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งในกลุ่มภาคเอกชน ได้มีการลงทุน อุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ รวมถึงวางระบบการรักษาที่ดีอยู่แล้วจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปิดในส่วนนี้ 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง >> “อนุทิน” แจงไม่ได้สั่งให้ ปชช.ทิ้งวัคซีนทางเลือก ยันวัคซีนมีเพียงพอ

นพ.ณัฐพงศ์ ยังระบุถึงความกังวลของประชาชนหากหลังจากมีการเปิดประเทศมีการระบาดระลอกใหม่ ยืนยันระบบการรักษาทุกอย่างเตรียมไว้พร้อม และเชื่อว่าจะสามารถรับมือได้ จากประสบการณ์ที่ผ่านมา โดยอุปกรณ์ทางการแพทย์ยังคงมีอยู่ แต่ตอนนี้ได้ส่งเครื่องไปสนับสนุนยังพื้นที่ต่างจังหวัดที่มีการแพร่ระบาด เช่น เชียงใหม่ และพื้นที่ภาคใต้ รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์ด้วยที่ถูกส่งไปต่างจังหวัด ทั้งนี้หากพื้นที่ กทม.และปริมณฑล มีการระบาดเพิ่มขึ้น อุปกรณ์เครื่องมือแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์จะถูกส่งกลับมาที่ กทม.ทันที 

อย่างไรก็ตาม โรงพยาบาลสนามยังคงมีความสำคัญที่ต้องคงไว้ เนื่องจากภายหลังการเปิดประเทศจะเกิดการระบาดขึ้นมาอีกหรือไม่ แม้จะมีมาตรการควบคุมโรค คาดว่าจะประเมินสถานณ์ผู้ติดเชื้อได้ 1-2 เดือนหลังจากมีมาตรการเปิดประเทศ 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง >> "หมอยง" แนะวิธีจัดการขยะติดเชื้อจาก ATK ลดการแพร่ระบาดของโควิด-19

สรุปสถานการณ์เตียงกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ประจำวันที่วันที่ 25 พฤศจิกายน 2564 พบว่า เตียงในสังกัดกทม. มีทั้งหมด 2,912 เตียง // อัตราครองเตียงทั้งหมด 781 หรือร้อยละ26.8 // เตียงในสังกัดโรงเรียนแพทย์ มี 727 เตียง ครองเตียง 151 หรือร้อยละ 20.8 // เตียงสังกัดกรมการแพทย์ 620 เตียง มีอัตราครองเตียง166 หรือร้อยละ 18.7// เตียงสังกัดกระทรวงกลาโหม 755 เตียง อัตราครองเตียง 146 เตียง หรือร้อยละ 19.3 // เตียงโรงพยาบาลตำรวจ 238 เตียง มีอัตราครองเตียง 45 เตียง หรือร้อยละ18.9 // เตียงภาคเอกชน รวมโรงพยาบาลสนามและฮอทพิเทล มี 29,945 เตียง มีอัตราครองเตียง 8,863 เตียง หรือร้อยละ29.6