"ไอโกะ" เจ้าหญิงผู้โดดเดี่ยวที่สุดในโลก

"เจ้าหญิงไอโกะ โทชิโนะมิยะ" เป็นพระราชธิดาพระองค์เดียวในสมเด็จพระจักรพรรดินารูฮิโตะกับสมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะ ทรงถูกขนานนามให้เป็น "เจ้าหญิงที่โดดเดี่ยวที่สุดในโลก" ทั้งเรื่องที่เคยถูกบูลลี่ หมดโอกาสที่จะได้เสกสมรส หรือแม้กระทั่งสืบทอดราชบัลลังก์เบญจมาศต่อจากพระราชบิดา!!

พระนาม "ไอโกะ" ประกอบด้วยตัวคันจิสองตัวคือ "ความรัก" กับ "เด็ก" มีความหมายรวมกันว่า "บุคคลอันเป็นที่รัก" ส่วน "โทชิโนะมิยะ" มีความหมายว่า "บุคคลผู้ควรแก่การเคารพ" เจ้าหญิงประสูติ ณ โรงพยาบาลสำนักพระราชวัง เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม ปี 2544 และจะมีพระมายุครบ 20 ชันษาในปีนี้ (2564) ซึ่งหมายถึงการบรรลุนิติภาวะ สำนักพระราชวังประกาศว่าวันที่ 1 ธันวาคมปีนี้ ตรงกับวันพุธซึ่งเป็นวันธรรมดา จึงเลื่อนการจัดพิธีต่าง ๆ ไปเป็นวันที่ 5 ธันวาคม เพราะตรงกับวันอาทิตย์ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้รบกวนการศึกษา "วรรณกรรมญี่ปุ่น" ที่มหาวิทยาลัยกากุชูอิน ในกรุงโตเกียว ที่ได้ชื่อว่าเป็นสถานศึกษาของสมาชิกราชวงศ์ญี่ปุ่นมานานกว่า 170 ปี

แต่แม้จะหลีกเลี่ยงแต่ก็ไม่มีการจัดงานเลี้ยงหรือเชิญแขกผู้มีเกียรติมาร่วมงานใด ๆ เนื่องจากการระบาดของโควิด-19 โดย เจ้าหญิงไอโกะ จะเสด็จเยือนศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์ที่เชื่อว่าเป็นที่สิงสถิตย์ของดวงวิญญาณของบรรพชนและขอพรจากเทพเจ้า เข้าเฝ้า อดีตสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ และ อดีตสมเด็จพระจักรพรรดินีมิชิโกะ จากนั้นจึงเข้าเฝ้า สมเด็จพระจักรพรรดิ ที่พระราชวังอิมพีเรียล เพื่อทรงรับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์รัตนมงกุฎ (Cordon of the Order of the Precious Crown)

ปีนี้เจ้าหญิงจะไม่ทรงสวมฉลองพระองค์ที่เป็นทางการ และจะทรงสวมเทียร่าที่ขอยืมจากอดีตเจ้าหญิงซายาโกะ คุโรดะ พระขนิษฐาในสมเด็จพระจักรพรรดิ และทรงเป็นพระปิตุจฉาของเจ้าหญิงไอโกะ แต่ทรงสละฐานันดรไปสมรสกับสามัญชนเมื่อปี 2548 ซึ่งการไม่ใช้เทียร่าใหม่ก็เพราะทรงเห็นแก่สถานการณ์บ้านเมือง ที่พสกนิกรได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจท่ามกลางการระบาดของโควิด-19 

แม้จะทรงเป็นพระราชธิดาของสมเด็จพระจักรพรรดิ แต่กฎมณเฑียรบาลที่สืบทอดมาตั้งแต่เริ่มต้นราชวงศ์ "ยามาโตะ" หรือราชวงศ์เบญจมาศ ที่สืบทอดสันตติวงศ์มายาวนานที่สุดในโลกเมื่อ 660 ปีก่อนคริสตกาล ได้ห้าม "สตรี" เป็นผู้สืบทอดราชบังลังก์และห้าม "พระราชธิดา" ของสมเด็จพระจักรพรรดิเสกสมรสกับ "สามัญชน" โดยเด็ดขาด และแม้จะผ่อนผันให้เสกสมรสกับขุนนางแต่สมัยนี้ก็ไม่มีเหลือแล้ว และถ้ายังขืนจะเลือกคู่ครองเป็นสามัญชนก็จะสูญเสียทุกอย่าง รวมทั้งพระอิสริยยศและทรัพย์สมบัติทั้งหมด 

แม้กระทั่งในวันที่พระราชบิดาทำพิธีขึ้นครองราชย์ เจ้าหญิงก็ไม่สามารถเข้าร่วมพิธีได้ อันที่จริงความไม่ปกติสุขของพระองค์เริ่มส่อแววตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ เช่น เมื่อครั้งที่ทรงมีพระชนมายุเพียง 8 ชันษา เจ้าหญิงไม่ยอมไปโรงเรียนเพราะถูกเด็กผู้ชายสองคนที่โตกว่ารังแก แต่ทางโรงเรียนอ้างว่าเด็กทั้งคู่วิ่งชนโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่เจ้าหญิงต่อรองว่าจะยอมไปก็ต่อเมื่อพระราชมารดาเสด็จด้วย สมเด็จพระจักรพรรดิ และ สมเด็จพระจักรพรรดินี ทรงพยายามแก้ปัญหาด้วยการเชิญเพื่อนร่วมชั้นไปร่วมงานเลี้ยงที่วังเมื่อเดือนตุลาคม ปี 2559 เจ้าหญิงทรงไม่ไปโรงเรียนนาน 2 เดือน ด้วยอาการประชวรที่ระบุไม่ได้ สำนักพระราชวังยืนยันว่าทรงปวดพระนาภี (ท้อง) และเวียนพระเศียร ที่อาจเป็นเพราะทรงคร่ำเคร่งกับการท่องหนังสือสอบและการฝึกซ้อมเพื่อแข่งขันกีฬา 

เดือนธันวาคมปีเดียวกันสำนักพระราชวังเผยแพร่พระฉายาลักษณ์ เนื่องในวันคล้ายวันประสูติพระชนมายุครบ 15 ชันษา ทำเอาชาวญี่ปุ่นประหลาดใจไปตาม ๆ กัน เพราะทรงมีพระวรกายซูบผอม น้ำหนักหายไป 8 กิโลกรัม ใน 1 ปี นำไปสู่ข้อสันนิษฐานว่าอาจทรงประชวรด้วยโรค "คลั่งผอม" (anorexia) ที่มีสาเหตุจากความเครียดที่ถูกมองว่า "อ้วน" ที่ไม่ใช่แค่จากเพื่อนร่วมชั้นแต่ยังมาจากสาธารณชนทั่วไป ที่ตั้งคำถามอย่างไม่เกรงใจ เช่น "เจ้าหญิงไอโกะตัวปลอมหรือเปล่าเนี่ย?"... "ทำไมอ้วนแบบนี้ ไม่เห็นเหมือนพระราชมารดาเลย"

ยังดีที่ช่วงนั้นเจ้าหญิงไปเรียนซัมเมอร์ที่ "Eton" ในอังกฤษ และยังได้ทรงเล่น "เซลโล่" เครื่องดนตรีที่ทรงโปรด  เจ้าหญิงไอโกะ ถูกมองว่าทรงรับ "มรดกความเครียด" จากพระราชมารดา ที่ทรงสะสมความเครียดมากมาย ทั้งเรื่องที่ต้องปรับตัวเข้ากับขนบธรรมเนียมในวังหลวง และสถานการณ์บีบคั้นที่ทรงมีพระราชธิดาที่ไม่สามารถสืบทอดราชบัลลังก์ ก่อนจะคลี่คลายเมื่อพระอนุชาของสมเด็จพระจักรพรรดิทรงมีพระโอรส คือ "เจ้าชายฮิซะฮิโตะ" ที่การันตีว่าราชบัลลังก์เบญจามาศมีผู้สืบทอดแล้ว 

ในเวลาเกือบ 20 ปี เจ้าหญิงไอโกะ ทรงปรับพระองค์จากเจ้าหญิงน้อยที่ทรงหวาดระแวงเรื่องการถูกแกล้งและการบูลลี่เรื่องภาพลักษณ์ กำลังจะเป็น "ผู้ใหญ่เต็มตัว" ด้วยท่าทีที่เข้มแข็งขึ้นมาก และแม้ว่าอนาคตจะยังไม่แน่นอนโดยเฉพาะเรื่อง "ความรัก" ที่จะต้องเป็นไปตามวัย แต่เรื่องของภาระอันหนักอึ้งเรื่องการสืบทอดราชบัลลังก์นั้น ทรง "ปลอดภัยแล้ว"