svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ภูมิภาค

อุกอาจ!! ลอบตัดไม้พะยูงมูลค่า 270 ล้าน แปลงป่าพระมหากษัตริย์

16 พฤศจิกายน 2564
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ขบวนการมอดไม้ ลอบตัดไม้พะยูง ในที่ดินส่วนพระมหากษัตริย์ จ.ตรัง ป่าพะยูงใหญ่ที่สุดของประเทศ กำนันเสี่ยงตายเข้าบุกจับคาหนังคาเขา 2 ราย ระบุลอบตัดมาแล้วกว่า 10 ครั้ง เตรียมส่งประเทศเพื่อนบ้าน มูลค่าความเสียหาย 270 ล้านบาท

 16 พฤศจิกายน 2564 นายวณิชย์ บัวประเสริฐ หัวหน้าสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ จ.สงขลา นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร นายตะฝน ยะฝา กำนัน ต.บางหมาก นำสื่อมวลชน พร้อมด้วยกำลังตรวจสอบพื้นที่สวนป่าเฉลิมพระเกียรติ หรือแปลงป่าพะยูง ในที่ดินทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ หมู่ที่ 5 ต.บางหมาก อ.กันตัง จ.ตรัง ริมถนนสายตรัง-กันตัง 

 

หลังขบวนการมอดไม้ เข้าลักลอบตัดต้นพะยูงอายุประมาณ 80-90 ปี ขนาดประมาณ 2 คนโอบ หรือเส้นผ่าศูนย์ประมาณ 80-90 ซม. สูงประมาณ 40 ชม.จำนวน 3 ต้น ภายในผืนป่าจำนวน 14 ไร่ 2 งาน ที่มีไม้พะยูงอยู่ประมาณ 44 ต้น

 

 

อุกอาจ!! ลอบตัดไม้พะยูงมูลค่า 270 ล้าน แปลงป่าพระมหากษัตริย์

 

จากการเข้าตรวจสอบพบไม้พะยูง ถูกตัดบริเวณตอ ส่วนลำต้นยังคงล้มลงอยู่บนพื้นดิน โดยทั้ง 3 ต้น อยู่ห่างกันไม่เกิน 10 เมตร และอยู่ห่างจากถนนเพียงแค่ 20 เมตรเท่านั้น

 

อุกอาจ!! ลอบตัดไม้พะยูงมูลค่า 270 ล้าน แปลงป่าพระมหากษัตริย์

             

ส่วนคนร้ายคือนายนายสุวิทย์  จับปรั่ง หรือโท้ย อายุ 39 ปี อยู่ต.เกาะลันตาน้อย   อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ นายจิตติ จันทราวิภาต อายุ 51 ปี บ้านเลขที่ 99 ถนนมิตรไมตรี ต.ดินแดง เขตดินแดง กทม. และอีก 1 รายสามารถหลบหนีไปได้ ซึ่งได้ถูกกำลังฝ่ายปกครอง ตำรวจชุมชนจับกุมไว้ได้คาหนังคาเขา พร้อมด้วยของกลาง ประกอบด้วย

  • 1.เครื่องเลื่อยยนต์ดัดแปลงเก็บเสียง จำนวน 1 เครื่อง
  • 2.ไม้พะยูงจำนวน 3 ต้น ตัดขาดจากต้นล้มอยู่ในที่เกิดเหตุ
  • 3.โทรศัพท์  จำนวน 1 เครื่อง 4.มีดพก พร้อมซอง จำนวน 1 เล่ม

 

อุกอาจ!! ลอบตัดไม้พะยูงมูลค่า 270 ล้าน แปลงป่าพระมหากษัตริย์
               

นายตะฝน ยะฝา กำนัน ต.บางหมาก กล่าวว่า วันเกิดเหตุได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าได้ยินเสียงเลื่อยยนต์ จึงนำกำลังผู้ช่วย และตำรวจสายตรวจชุมชน รวม 4 นาย เข้าเสี่ยงตาย เมื่อเข้ามาถึงพบคนร้ายกำลังเลื้อยต้นพะยูงต้นสุดท้ายล้มลงพอดี คนร้ายได้วิ่งทันที และสามารถจับได้ 2 คน อีก 1 คนหลบหนีไปได้ จังหวะนั้นคนร้ายพยายามที่จะใช้อาวุธมีดพกแทง ตนจึงใช้อาวุธปืนคู่ยิงข่มขู่ไป ก่อนที่จะต่อสู้กัน 


สำหรับผืนป่าแห่งนี้ถูกขบวนการมอดไม้ เข้าลักลอบตัดมาแล้วกว่า 10 ครั้ง ตัดต้นพะยูงไปแล้วกว่า 14 ต้น และเมื่อปี พ.ศ. 2559-2560 เคยมีผู้มาหยิบยื่นผลประโยชน์ พร้อมทั้งสั่งให้ตนปิดหูปิดตา เพื่อให้เปิดทางตัดไม้พะยูงแปลงนี้ และเสนอให้ต้นละ 1.5 แสนบาท แต่ตนได้ปฏิเสธ ทำให้หลังจากนั้นถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงข่มขู่ถล่มบ้านมาแล้วด้วย ตนเชื่อมั่นว่าการลักลอบตัดทุกครั้งเป็นรายเดิม ซึ่งมีนายทุนผู้มีอิทธิพลอยู่เบื้องหลัง

 

นายตะฝน ยะฝา กำนัน ต.บางหมาก

 ขณะที่นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล กล่าวว่า ทราบว่าป่าไม้แห่งนี้ถูกปลูกขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ.2485 สมันสงครามโลกครั้งที่ 2 หรือประมาณ 80 ปีที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้นำเมล็ดพันธุ์หรือต้นกล้ามาปลูก และในขณะเดียวกันยังได้ไปปลูกไว้ที่ควนตำหนักจันทร์ อ.กันตัง อีกกว่า 80 กว่าต้น ถือว่าเป็นป่าพะยูงที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

 
             

 “วันนี้เมื่อเราสูญเสียไปอีกจำนวน 4 ต้น ก็เสียใจเป็นอย่างมาก เปรียบเสมือนเราสูญเสียญาติผู้ใหญ่ไป  และต้องขอขอบคุณกำนัน ที่พยายามรักษาทรัพยากรส่วนนี้ และต่อสู้เพื่อปกป้องมาด้วยชีวิต อยากฝากถึงคนที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว อย่างน้อยก็ให้คิดว่ารักษาไว้ให้ลูกหลายเถอะ”

 

อุกอาจ!! ลอบตัดไม้พะยูงมูลค่า 270 ล้าน แปลงป่าพระมหากษัตริย์
               

ที่ผ่านมาผืนป่าแห่งนี้ ได้จัดกิจกรรมหลายภาคส่วน ทั้งการบวชป่า เพื่อรักษาไว้ให้เป็นสมบัติของโลก โดยหลังจากเกิดเหตุ ท่านชวน หลีกภัย ก็ได้สั่งการและกำชับมายัง พล.ต.ต.สันทัด วินสน ผบก. ภ.จว.ตรัง ให้ติดตามเรื่องนี้และดำเนินคดีให้ถึงที่สุด  เพราะครั้งที่ผ่านมา ทางกำนันได้จับกุมคนร้ายไว้ได้ แต่ไม่สามารถที่จะดำเนินคดีได้หลังจากส่งตัวให้ตำรวจแล้ว 
               

สำหรับสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ จ.สงขลา มีพื้นที่ป่าในความรับผิดชอบ ที่ ต.บางหมาก อ.กันตัง จำนวนหลายแปลง รวมเนื้อที่ประมาณ 5,200 ไร่ ส่วนแปลงที่เกิด มีเนื้อที่ทั้งหมด 14 ไร่ 2 งาน และมีไม้พะยูงทั้งหมด 44 ต้น แต่ช่วงที่ผ่านมา ถูกคนร้ายพยายามตัดไม้แล้วหลายครั้ง เนื่องจากจุดเกิดเหตุ อยู่ติดกับถนนตรัง-กันตัง ทำให้ง่ายต่อการลักลอบเข้าไป 

 

อุกอาจ!! ลอบตัดไม้พะยูงมูลค่า 270 ล้าน แปลงป่าพระมหากษัตริย์
               

อีกทั้งไม้พะยูงก็มีราคารับซื้อสูงมากถึงกิโลกรัมละ 30,000 บาท เพราะเป็นที่ต้องการของนายทุนจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยไม้จำนวน 3 ต้น ที่ถูกลักลอบตัดในครั้งนี้หนักต้นละประมาณ 3 ตันหรือ 3,000 กิโลกรัม หากสามารถเคลื่อนย้ายนำออกไปจำหน่ายถึงมือนายทุนได้ จะอยู่ที่มูลค่าประมาณ 270,000,000 บาท

 

ภาพ/ข่าว โดย : ถนอมศักดิ์ หนูนุ่ม จ.ตรัง 

logoline