รายงานการวิเคราะห์ Climate Action Tracker (CAT) ซึ่งเป็นรายงานติดตามการปฏิบัติและมาตรการลดโลกร้อนของรัฐบาลต่างๆ ที่ไม่เป็นไปตามข้อตกลงปารีส ได้รับการเผยแพร่เมื่อวันอังคาร บ่งชี้ว่า คำสัญญาที่กำหนดเป้าหมายลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภายในปี 2030 ที่ประกาศในการประชุมสภาพภูมิอากาศของสหประชาชาติ หรือ COP26 ที่เมืองกลาสโกว์ของสกอตแลนด์ยังไม่เพียงพอบรรลุเป้าหมายที่คาดว่าจะช่วยควบคุมอุณหภูมิของโลกไม่ให้สูงขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียสจากระดับก่อนยุคอุตสาหกรรมตามข้อตกลงปารีสเมื่อปี 2558
นักวิจัยที่ร่วมจัดทำรายงานฉบับนี้บอกด้วยว่า ข้อตกลงจากการประชุม COP26 ที่ดำเนินมาเกินหนึ่งสัปดาห์แล้วเป็นความหวังลมๆแล้งๆที่อันตราย เพราะความจริง คือ เรายังห่างไกลอย่างมากจากจุดหมายที่จะลดโลกร้อนได้
รายงานระบุว่า การปฏิบัติตามนโยบายเพื่อลดโลกร้อนยังคืบหน้าช้ามากเหมือนก้าวเดินของหอยทาก และด้วยนโยบายเวลานี้จะทำให้โลกมีอุณหภูมิสูงขึ้นอีก 2.7 องศาเซลเซียสภายในปี 2100 แต่หากประเทศต่างๆสามารถทำตามคำสัญญาใหม่จาก COP26 ก็ยังคงทำให้โลกมีอุณหภูมิสูงขึ้นอีก 2.4 องศาเซลเซียสภายในสิ้นศตวรรษนี้
รายงานระบุว่า เมื่อประเมินจากทุกกรณีแล้ว อุณหภูมิของโลกในศตวรรษนี้จะสูงขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียสจากยุคก่อนอุตสาหกรรม แต่ยังมีความหวังอยู่บ้าง หากบางประเทศปฏิบัติได้จริงตามเป้าหมายระยะยาวที่ประกาศไว้ว่าจะลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2050 หรือหลังจากนั้น ก็อาจทำให้อุณหภูมิของโลกเพิ่มขึ้นอีกเพียง 1.8 องศาเซลเซียสภายในศตวรรษนี้
แต่บิล แฮร์ ซีอีโอ ขององค์กร Climate Analytics ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดทำรายงานฉบับนี้ บอกว่า มันเป็นเรื่องดีที่ผู้นำหลายคนกำหนดเป้าหมาย (Net Zero) แต่หากไม่มีแผนดำเนินการสู่การบรรลุเป้าหมาย ก็เป็นเพียงสัญญาลมปาก
การประชุม COP26 กำลังจะสิ้นสุดในวันที่ 12 พ.ย. ซึ่งแฮร์ บอกว่า เท่าที่ผ่านมาการประชุมยังมีช่องว่างเรื่องความน่าเชื่อถืออย่างมาก