"ณัฐวุฒิ" ชี้เป็นสัญญาณดีหลังศาลไม่ถอนประกันแกนนำกลุ่มราษฎรคดีปักหมุด

     ความคืบหน้ากรณีที่วานนี้ (5 พ.ย.) ศาลอาญามีคำสั่งไม่ถอนประกัน นายอานนท์ นำภา, น.ส.ปนัสยา หรือ รุ้ง สิทธิจิรวัฒนกุล, นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ ไมค์ และนายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธ์ หรือ แอมมี่ เดอะบอททอมบลูส์ ผู้ต้องหามาตรา112 และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง จากการชุมนุมปักหมุดที่สนามหลวง เมื่อวันที่ 19-20 ก.ย. 63 (อ่านรายละเอียด) 

     ล่าสุดวันนี้ (6 พ.ย.) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำเครือข่ายไล่ประยุทธ์ (อ.ห.ต.) และอดีตแกนนำ นปช. ได้โพสแสดงความเห็นต่อกรณีดังกล่าวผ่านเพจเฟซบุ๊ก นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ว่า ศาลวินิจฉัยไม่ถอนประกันอานนท์ แต่เพิ่มเงื่อนไขให้ติดกำไลอีเอ็มและกักตัวอยู่บ้านตลอด 24 ชั่วโมง ยกเว้นมีเหตุจำเป็น เจ็บป่วยหรือศาลอนุญาต แต่เจ้าตัวยังต้องอยู่ในคุกเพราะยังไม่ได้ประกันตัวในคดีอื่น ทนายชี้แจงเพิ่มว่าจำเลยรับเงื่อนไขนี้ได้

ถือเป็นสัญญาณดีที่ต้องดียิ่งขึ้น ด้วยการคืนอิสรภาพให้ทุกคน ทั้งเบนจา เพนกวิน ไผ่ ไมค์ และนักต่อสู้คนอื่นๆ 

     ที่จริงไม่ควรมีเงื่อนไข เพราะคนกลุ่มนี้ไม่เคยมีพฤติการณ์หลบหนี ขมขู่พยานหรือทำลายหลักฐาน ส่วนเรื่องการชุมนุมหากไม่มีเหตุวุ่นวายและใช้สิทธิ์ปราศรัยได้สัดส่วนก็ทำได้ตามที่ศาลวินิจฉัย แต่ในฐานะที่ผมเคยติดกำไลอีเอ็มมาแล้ว 3 เดือน คิดว่าเรื่องนี้คงอยู่ในจุดที่น้องๆ ทุกคนรับได้
การใช้ข้อกล่าวหาเรื่องสถาบันทำลายฝ่ายตรงข้ามทั้งในทางอาญาและทางการเมือง เป็นเรื่องที่ทักท้วงกันมาตลอดสิบกว่าปีว่าไม่เป็นผลดี แต่ผู้มีอำนาจและพรรคการเมืองตลอดจนกลุ่มการเมืองบางพวกยังดึงดันจะใช้วิธีการนี้ เพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของตัวเอง
 

     หากมองจากจุดเริ่มต้นปลายปี 2548 ความขัดแย้งทางการเมืองวันนี้แหลมคมไปไกล ฝ่ายผู้มีอำนาจต้องตั้งสติว่าเดินผิดหรือไม่ ใช้ประเด็นละเอียดอ่อนเพื่อสร้างและรักษาอำนาจจนบานปลาย หากยังคงใช้วิธีการนี้จะยิ่งมีปัญหา พื้นที่พูดคุยกันของคนต่างยุคจะยิ่งแคบลง จนอาจหลีกเลี่ยงความรุนแรงเพื่อยุติปัญหาไม่ได้

     หนึ่งชีวิตเด็กที่สูญเสียจากดินแดงควรเป็นจุดเปลี่ยนให้สังคมฉุกคิด เปิดใจช่วยกันไม่ให้เกิดโศกนาฏกรรม ให้ทุกคนทุกฝ่ายอยู่ร่วมกันอย่างถูกหลัก ถูกที่ ถูกทาง

ติดกำไลอีเอ็ม กักตัวในบ้าน ถ้ากำหนดเงื่อนไขขนาดนี้จะขังไว้อีกทำไม ปล่อยเด็กออกจากคุกเถอะครับ